inputs
stringlengths
30
4.09k
targets
stringlengths
1
2.05k
language
stringclasses
1 value
split
stringclasses
3 values
template
stringclasses
36 values
dataset
stringclasses
4 values
config
stringclasses
2 values
I wonder กัมพูชา มีเมืองหลวงชื่อว่า?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: พนมเปญ Article: พนมเปญ หรือ ภนุมปึญ (Khmer: ភ្នំពេញ ภฺนุํเพญ ออกเสียง: [pʰnum pɨɲ]; English: Phnom Penh) อีกชื่อหนึ่งคือ ราชธานีพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองหลวงของนครหลวงพนมเปญด้วย ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย (เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1920 พร้อมกับเมืองเสียมราฐ) นับเป็นเมืองที่เป็นเป้าการท่องเที่ยวทั้งจากผู้คนในประเทศและจากต่างประเทศ พนมเปญยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสถาปัตยกรรมแบบเขมรดั้งเดิมและแบบได้รับอิทธิพลฝรั่งเศส กรุงพนมเปญเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยจังหวัดกันดาล และเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า การเมือง และวัฒนธรรมของกัมพูชา มีประชากรถึง 2 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 15.2 ล้านคน ประวัติศาสตร์ 200px|thumbnail|left|วัดพนม เป็นที่มาของชื่อพนมเปญ พนมเปญไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นถิ่นฐานที่ตั้งหลัก จนกระทั่งเข้าสู่ยุคเมืองพระนคร หลังจากนครวัดและเมืองอื่นๆใกล้เคียงเริ่มมีชื่อเสียงโดดเด่นประจักษ์สู่สายตาประชาคมโลก ช่วงกลางศตวรรษที่ 15 เจ้าพระยาญาติย้ายราชธานีจากเมืองพระนครหนีสยามมาตั้งอยู่ที่นครวัดและสร้างพระราชวัง ณ พื้นที่ที่เป็นกรุงพนมเปญในปัจจุบัน ต่อมาภายหลังมีการสร้างเจดีย์ขึ้นซึ่งในขณะนั้นเมืองยังไม่ได้เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1866 ภายใต้การปกครองของพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ จึงได้แต่งตั้งกรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศ อย่างไรก็ตามสามปีก่อนตั้งกรุงพนมเปญเป็นราชธานี กัมพูชาลงนามในสนธิสัญญายอมเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสแถบอินโดจีนที่รวมถึงเวียดนามและลาว ภายใต้อำนาจการปกครองแบบเต็มรูปแบบของปารีส ทำให้พนมเปญมีศักยภาพและเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเมืองที่มีขนาดเล็กกว่าหมู่บ้าน ก้าวไปสู่การพัฒนาเป็นเมืองท่าริมน้ำที่ทันสมัยของฝรั่งเศส แม้จะมีความวุ่นวายในส่วนอื่นๆ ของประเทศทั้งก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พนมเปญยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสจนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 ภายใต้การนำของสมเด็จนโรดมสีหนุและคลื่นมวลชนชาวเขมรที่ออกมาเรียกร้องเอกราช จนได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วงต้นของปี ค.ศ. 1970 พนมเปญค่อนข้างมีความสงบท่ามกลางทะเลสงครามในประเทศกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1975 กองกำลังเขมรแดงภายใต้การนำของพอลพตบุกโจมตีพนมเปญ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชา เข้าร่วมกับอาเซียนเมื่อพ.ศ.ใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศกัมพูชา Article: กัมพูชา หรือ ก็อมปุเจีย[10] ([កម្ពុជា กมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือ ราชอาณาจักรก็อมปุเจีย ([ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำนาจและความมั่งคังมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่า 600 ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชาตกอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสครั้งแรกเมื่อใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส Article: กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส (English: French protectorate of Cambodia; Khmer: ប្រទេសកម្ពុជាក្រោមអាណាព្យាបាលបារាំង; French: Protectorat français du Cambodge) เป็นระยะเวลาช่วงที่กัมพูชาเข้าเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศสก่อนจะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพอินโดจีนที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส จนกระทั่งกลายเป็นดินแดนที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง จากนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพฝรั่งเศส และต่อสู้จนได้รับเอกราชในที่สุด การเข้ามามีอิทธิพลในกัมพูชาของฝรั่งเศส การติดต่อระหว่างฝรั่งเศสและกัมพูชาครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อคณะทูตของมงติญี กงสุลฝรั่งเศสประจำเซี่ยงไฮ้เข้ามาทำสนธิสัญญากับไทยแบบเดียวกับสนธิสัญญาเบาว์ริงของอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2399 เมื่อเดินทางออกจากไทย มงติญีได้เดินทางต่อไปยังกัมพูชา แต่พระองค์ด้วงกษัตริย์ในกัมพูชาขณะนั้นตอบว่ากัมพูชาเป็นเมืองน้อยไม่อาจทำสัญญาได้ตามลำพัง ต้องปรึกษาสยามก่อน คณะทูตของมงติญีจึงเดินทางต่อไปยังราชสำนักเว้ของเวียดนาม[1] อย่างไรก็ตาม หลังจากคณะทูตของมงติญีกลับไปไม่นาน พระองค์ด้วงได้ส่งหนังสือไปยังกงสุลฝรั่งเศสของสิงคโปร์เมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399 เพื่อนำไปถวายพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ของฝรั่งเศส เพื่อขอให้ฝรั่งเศสช่วยคุ้มครองกัมพูชาให้พ้นจากอำนาจของสยามและเวียดนาม[2] ต่อมา ใน พ.ศ. 2406 หลังจากที่ฝรั่งเศสดำเนินนโยบายแข็งกร้าวในการยึดครองดินแดนเวียดนาม พลเรือเอก เดอ ลากรองดิแยร์ ได้เป็นข้าหลวงอินโดจีนฝรั่งเศสได้เข้ามาติดต่อกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อให้กัมพูชาเป็นดินแดนในอารักขาของฝรั่งเศส ในสมัยนั้น กษัตริย์กัมพูชาคือพระนโรดม พระโอรสของพระองค์ด้วง ได้ตกลงใจทำสนธิสัญญาดังกล่าว การคัดค้านของสยาม หลังจากการลงนามในสนธิสัญญาเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2406 พระนโรดมได้ทำหนังสือกราบทูลรัชกาลที่ 4 ว่าถูกฝรั่งเศสบังคับให้ทำสัญญา สยามได้พยายามรักษาสิทธิของตนเหนือกัมพูชาโดยทำสนธิสัญญาลับสยาม-กัมพูชา เมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2406 เพื่อยืนยันสิทธิของสยามเหนือกัมพูชา พระนโรดมยินยอมลงนามในสนธิสัญญานี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อฝรั่งเศสทราบถึงการทำสนธิสัญญาลับสยาม-กัมพูชา ฝรั่งเศสได้เข้ามาคัดค้านและเจรจาเพื่อขอยกเลิกสนธิสัญญา ในที่สุด ได้มีการลงนามในสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม พ.ศ. 2410 โดยสยามประกาศสละสิทธิ์การอ้างสิทธิใดๆเหนือกัมพูชา โดยเสียมราฐและพระตะบองยังเป็นของสยาม...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชาตกอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสครั้งแรกเมื่อใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประวัติศาสตร์กัมพูชา Article: ประวัติศาสตร์กัมพูชา เริ่มตั้งแต่ยุคของอาณาจักรฟูนัน อาณาจักรเจนละ พัฒนามาสู่ยุคเมืองพระนคร ซึ่งมีความยิ่งใหญ่จนสามารถสร้างนครวัด นครธม เป็นศูนย์กลางของอาณาจักร จนกระทั่งพ่ายแพ้แก่อยุธยากลายเป็นรัฐบรรณาการของอยุธยา จนเมื่อฝรั่งเศสเข้ามามีอำนาจในอินโดจีน กัมพูชากลายเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส และเป็นรัฐในอารักขาของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลก กัมพูชาได้เป็นประเทศเอกราช แต่เกิดความสับสนวุ่นวายภายในประเทศเนื่องจากความขัดแย้งภายใน ประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดงอยู่ระยะหนึ่ง จนกองกำลังของเฮงสัมรินที่มีเวียดนามหนุนหลังเข้ามาขับไล่เขมรแดงออกไป และการเข้ามาไกล่เกลี่ยของสหประชาชาติ เพื่อยุติสงครามกลางเมือง ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ความรู้เกี่ยวกับยุคก่อนประวัติศาสตร์ของกัมพูชานั้นมีอยู่น้อยมาก แหล่งโบราณคดีเก่าแก่ที่สุดของกัมพูชาที่ค้นพบในปัจจุบัน คือ ถ้ำ แลง สแปน (Laang Spean) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าผู้คนเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานกันเมื่อประมาณ 7,000 ปีก่อนคริสตกาล และแหล่งโบราณคดีสำโรง เซน (Samrong Sen) ซึ่งเชื่อว่าเริ่มมีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อราว 230 ถึง 500 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกัมพูชาเริ่มรู้จักการเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกข้าวได้ตั้งแต่เมื่อราว 2,000 ก่อนคริสตกาล สามารถทำเครื่องมือจากเหล็กได้ตั้งแต่ราว 600 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนหน้าที่อิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดียจะแผ่นเข้ามาถึงดินแดนแถบนี้ ในราวปีที่ 100 ก่อนคริสตกาล หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าพื้นที่หลายส่วนของดินแดนประเทศกัมพูชาในปัจจุบันเริ่มมีผู้คนอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อราวสหัสวรรษแรกและสหัสวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล โดยจัดเป็นวัฒนธรรมยุคหินใหม่ ซึ่งผู้คนกลุ่มนี้อาจอพยพมาจากทางพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ในก่อนช่วงคริสต์ศตวรรษแรก ผู้คนในแถบได้มีวิวัฒนาการสู่การตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง มีการจัดโครงสร้างของสังคมอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาทักษะวิทยาการต่าง ๆ ได้ก้าวหน้ากว่ายุคก่อน ๆ เป็นอย่างมาก กลุ่มที่มีพัฒนาการก้าวหน้าที่สุดอาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่ง ที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง และบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง สามารถเพาะปลูกข้าวและเลี้ยงปศุสัตว์ได้ นักประวัติศาสตร์หลายคนมีความเห็นว่า ผู้คนกลุ่มนี้ได้ตั้งหลักแหล่งอาศัยก่อนหน้าผู้คนในประเทศเพื่อนบ้าน คือ เวียดนาม ไทย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชานับถือศาสนาใดเป็นหลัก ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศกัมพูชา Article: กัมพูชา หรือ ก็อมปุเจีย[10] ([កម្ពុជា กมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือ ราชอาณาจักรก็อมปุเจีย ([ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำนาจและความมั่งคังมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่า 600 ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชามีขนาดพื้นที่ประเทศเท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศกัมพูชา Article: กัมพูชา หรือ ก็อมปุเจีย[10] ([កម្ពុជា กมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือ ราชอาณาจักรก็อมปุเจีย ([ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำนาจและความมั่งคังมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่า 600 ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชามีขนาดพื้นที่เท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศกัมพูชา Article: กัมพูชา หรือ ก็อมปุเจีย[10] ([កម្ពុជា กมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือ ราชอาณาจักรก็อมปุเจีย ([ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำนาจและความมั่งคังมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่า 600 ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชามีเมืองหลวงชื่อว่า ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศกัมพูชา Article: กัมพูชา หรือ ก็อมปุเจีย[10] ([កម្ពុជា กมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือ ราชอาณาจักรก็อมปุเจีย ([ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำนาจและความมั่งคังมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่า 600 ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชามีเมืองหลวงชื่อว่า ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: พนมเปญ Article: พนมเปญ หรือ ภนุมปึญ (Khmer: ភ្នំពេញ ภฺนุํเพญ ออกเสียง: [pʰnum pɨɲ]; English: Phnom Penh) อีกชื่อหนึ่งคือ ราชธานีพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองหลวงของนครหลวงพนมเปญด้วย ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย (เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1920 พร้อมกับเมืองเสียมราฐ) นับเป็นเมืองที่เป็นเป้าการท่องเที่ยวทั้งจากผู้คนในประเทศและจากต่างประเทศ พนมเปญยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสถาปัตยกรรมแบบเขมรดั้งเดิมและแบบได้รับอิทธิพลฝรั่งเศส กรุงพนมเปญเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยจังหวัดกันดาล และเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า การเมือง และวัฒนธรรมของกัมพูชา มีประชากรถึง 2 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 15.2 ล้านคน ประวัติศาสตร์ 200px|thumbnail|left|วัดพนม เป็นที่มาของชื่อพนมเปญ พนมเปญไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นถิ่นฐานที่ตั้งหลัก จนกระทั่งเข้าสู่ยุคเมืองพระนคร หลังจากนครวัดและเมืองอื่นๆใกล้เคียงเริ่มมีชื่อเสียงโดดเด่นประจักษ์สู่สายตาประชาคมโลก ช่วงกลางศตวรรษที่ 15 เจ้าพระยาญาติย้ายราชธานีจากเมืองพระนครหนีสยามมาตั้งอยู่ที่นครวัดและสร้างพระราชวัง ณ พื้นที่ที่เป็นกรุงพนมเปญในปัจจุบัน ต่อมาภายหลังมีการสร้างเจดีย์ขึ้นซึ่งในขณะนั้นเมืองยังไม่ได้เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1866 ภายใต้การปกครองของพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ จึงได้แต่งตั้งกรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศ อย่างไรก็ตามสามปีก่อนตั้งกรุงพนมเปญเป็นราชธานี กัมพูชาลงนามในสนธิสัญญายอมเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสแถบอินโดจีนที่รวมถึงเวียดนามและลาว ภายใต้อำนาจการปกครองแบบเต็มรูปแบบของปารีส ทำให้พนมเปญมีศักยภาพและเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเมืองที่มีขนาดเล็กกว่าหมู่บ้าน ก้าวไปสู่การพัฒนาเป็นเมืองท่าริมน้ำที่ทันสมัยของฝรั่งเศส แม้จะมีความวุ่นวายในส่วนอื่นๆ ของประเทศทั้งก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พนมเปญยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสจนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 ภายใต้การนำของสมเด็จนโรดมสีหนุและคลื่นมวลชนชาวเขมรที่ออกมาเรียกร้องเอกราช จนได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วงต้นของปี ค.ศ. 1970 พนมเปญค่อนข้างมีความสงบท่ามกลางทะเลสงครามในประเทศกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1975 กองกำลังเขมรแดงภายใต้การนำของพอลพตบุกโจมตีพนมเปญ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชามีเมืองหลวงชื่อว่าอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: พนมเปญ Article: พนมเปญ หรือ ภนุมปึญ (Khmer: ភ្នំពេញ ภฺนุํเพญ ออกเสียง: [pʰnum pɨɲ]; English: Phnom Penh) อีกชื่อหนึ่งคือ ราชธานีพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองหลวงของนครหลวงพนมเปญด้วย ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย (เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1920 พร้อมกับเมืองเสียมราฐ) นับเป็นเมืองที่เป็นเป้าการท่องเที่ยวทั้งจากผู้คนในประเทศและจากต่างประเทศ พนมเปญยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสถาปัตยกรรมแบบเขมรดั้งเดิมและแบบได้รับอิทธิพลฝรั่งเศส กรุงพนมเปญเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยจังหวัดกันดาล และเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า การเมือง และวัฒนธรรมของกัมพูชา มีประชากรถึง 2 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 15.2 ล้านคน ประวัติศาสตร์ 200px|thumbnail|left|วัดพนม เป็นที่มาของชื่อพนมเปญ พนมเปญไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นถิ่นฐานที่ตั้งหลัก จนกระทั่งเข้าสู่ยุคเมืองพระนคร หลังจากนครวัดและเมืองอื่นๆใกล้เคียงเริ่มมีชื่อเสียงโดดเด่นประจักษ์สู่สายตาประชาคมโลก ช่วงกลางศตวรรษที่ 15 เจ้าพระยาญาติย้ายราชธานีจากเมืองพระนครหนีสยามมาตั้งอยู่ที่นครวัดและสร้างพระราชวัง ณ พื้นที่ที่เป็นกรุงพนมเปญในปัจจุบัน ต่อมาภายหลังมีการสร้างเจดีย์ขึ้นซึ่งในขณะนั้นเมืองยังไม่ได้เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1866 ภายใต้การปกครองของพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ จึงได้แต่งตั้งกรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศ อย่างไรก็ตามสามปีก่อนตั้งกรุงพนมเปญเป็นราชธานี กัมพูชาลงนามในสนธิสัญญายอมเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสแถบอินโดจีนที่รวมถึงเวียดนามและลาว ภายใต้อำนาจการปกครองแบบเต็มรูปแบบของปารีส ทำให้พนมเปญมีศักยภาพและเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเมืองที่มีขนาดเล็กกว่าหมู่บ้าน ก้าวไปสู่การพัฒนาเป็นเมืองท่าริมน้ำที่ทันสมัยของฝรั่งเศส แม้จะมีความวุ่นวายในส่วนอื่นๆ ของประเทศทั้งก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พนมเปญยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสจนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 ภายใต้การนำของสมเด็จนโรดมสีหนุและคลื่นมวลชนชาวเขมรที่ออกมาเรียกร้องเอกราช จนได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วงต้นของปี ค.ศ. 1970 พนมเปญค่อนข้างมีความสงบท่ามกลางทะเลสงครามในประเทศกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1975 กองกำลังเขมรแดงภายใต้การนำของพอลพตบุกโจมตีพนมเปญ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชาเข้าร่วมกับอาเซียนเมื่อปีใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Article: สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (English: Association of South East Asian Nations) หรือ อาเซียน (ASEAN) เป็นองค์การทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ไทย บรูไน พม่า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย อาเซียนมีพื้นที่ราว 4,479,210 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 625 ล้านคน[1] ในปี พ.ศ. 2553 จีดีพีของประเทศสมาชิกรวมกันคิดเป็นมูลค่าราว 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] คิดเป็นลำดับที่ 9 ของโลกเรียงตามจีดีพี อาเซียนมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ[3] อาเซียนมีจุดเริ่มต้นจากสมาคมอาสา ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 ได้มีการลงนามใน ปฏิญญากรุงเทพฯ อาเซียนได้ถือกำเนิดขึ้นโดยมีรัฐสมาชิกเริ่มต้น 5 ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความร่วมมือในการเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม วัฒนธรรมในกลุ่มประเทศสมาชิก และการธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค และเปิดโอกาสให้คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศสมาชิกอย่างสันติ[4] หลังจาก พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา อาเซียนมีรัฐสมาชิกเพิ่มขึ้นจนมี 10 ประเทศในปัจจุบัน กฎบัตรอาเซียนได้มีการลงนามเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งทำให้อาเซียนมีสถานะคล้ายกับสหภาพยุโรปมากยิ่งขึ้น[5] เขตการค้าเสรีอาเซียนได้เริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2553 และกำลังก้าวสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งจะประกอบด้วยสามด้าน คือ ประชาคมอาเซียนด้านการเมืองและความมั่นคง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558[6] ประวัติ สมาคมอาสาและปฏิญญากรุงเทพ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจุดเริ่มต้นนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ได้ร่วมกันจัดตั้ง สมาคมอาสา (ASA, Association of South East Asia) ขึ้นเพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม แต่ดำเนินการได้เพียง 2 ปี ก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากความผกผันทางการเมืองระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย จนเมื่อทั้งสองประเทศฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน จึงได้มีการแสวงหาลู่ทางจัดตั้งองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจขึ้นในภูมิภาค "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" และถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร โดยมีการลงนาม...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมพูชาเคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศกัมพูชา Article: กัมพูชา หรือ ก็อมปุเจีย[10] ([កម្ពុជា กมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือ ราชอาณาจักรก็อมปุเจีย ([ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชา]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help)) เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำนาจและความมั่งคังมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่า 600 ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมมันตรังสี พบครั้งแรกจากการทดลองใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การสลายให้กัมมันตรังสี Article: การสลายให้กัมมันตรังสี (English: radioactive decay) หรือ การสลายของนิวเคลียส หรือ กัมมันตภาพรังสี (English: nuclear decay หรือ radioactivity) เป็นกระบวนการที่ นิวเคลียสของอะตอมที่ไม่เสถียร สูญเสียพลังงานจากการปลดปล่อยรังสี. วัตถุใดที่ปลดปล่อยรังสีด้วยตัวเอง-เช่นอนุภาคแอลฟา, อนุภาคบีตา, รังสีแกมมา และ อิเล็กตรอนจากกระบวนการการแปลงภายใน วัตถุนั้นจะถูกเรียกว่ามี "กัมมันตรังสี" การสลายให้กัมมันตรังสีเป็นกระบวนการแบบ stochastic (เช่นแบบสุ่ม) ที่ระดับอะตอมเดียว ในกระบวนการนั้น ตาม"ทฤษฎีควอนตัม" มันไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรที่อะตอมหนึ่ง ๆ จะสลายตัว[1][2][3][4] โอกาสที่อะตอมใดอะตอมหนึ่งจะสลายตัวไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือว่า มันไม่สำคัญว่าอะตอมได้มีอยู่นานมาแล้วแค่ไหน อย่างไรก็ตาม สำหรับแหล่งสะสมขนาดใหญ่ของอะตอม อัตราการสลายตัวสำหรับแหล่งสะสมนั้นสามารถคำนวณได้จาก"ค่าคงที่การสลายตัว"ของมันที่ถูกวัดได้หรือครึ่งชีวิตของมัน นี่คือพื้นฐานของเทคนิคการระบุวันที่ที่เรียกว่า radiometric dating หรือ radioactive dating. ครึ่งชีวิตของอะตอมกัมมันตรังสีไม่มีข้อจำกัดสำหรับความสั้นหรือความยาวของระยะเวลา และช่วงตลอด 55 หน่วยแมกนิจูดของเวลา การสลายให้กัมมันตรังสีมีหลายประเภท (ดูตารางด้านล่าง) การสลายหรือการสูญเสียพลังงานจากนิวเคลียส เกิดขึ้นเมื่ออะตอมที่มีนิวเคลียสประเภทหนึ่งที่เรียกว่า นิวไคลด์รังสีพ่อแม่ (English: parent nuclide) (หรือไอโซโทปรังสีพ่อแม่[note 1])) แปลงเป็นอะตอมตัวหนึ่งที่มีนิวเคลียสตัวหนึ่งที่อยู่ในสถานะที่แตกต่างกัน หรือที่มีนิวเคลียสตัวหนึ่งที่มีจำนวนโปรตอนและนิวตรอนที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์นี้เรียกว่า"นิวไคลด์ลูก" (English: daughter nuclide) ในการสูญสลายบางครั้ง นิวไคลด์ของพ่อแม่และของลูกมีองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกัน จึงเป็นผลให้กระบวนการสลายตัวทำการผลิตอะตอมของธาตุที่แตกต่างกัน กระบวนการนี้เรียกว่า การแปรนิวเคลียส (English: nuclear transmutation) กระบวนการสลายตัวครั้งแรกที่ถูกค้นพบเป็นการสลายให้อนุภาคแอลฟา, การสลายให้อนุภาคบีตาและการสลายตัวให้รังสีแกมมา การสลายให้อนุภาคแอลฟาจะเกิดขึ้นเมื่อนิวเคลียสปลดปล่อยอนุภาคแอลฟาออกมา (นิวเคลียสของฮีเลียม) นี้เป็นกระบวนการที่พบมากที่สุดของการปลดปล่อยนิวคลีออน แต่ในรูปแบบที่หายากของการสลายตัวเช่นนิวเคลียสสามารถปลดปล่อยโปรตอน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมมันตรังสี พบครั้งแรกโดยใคร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การสลายให้กัมมันตรังสี Article: การสลายให้กัมมันตรังสี (English: radioactive decay) หรือ การสลายของนิวเคลียส หรือ กัมมันตภาพรังสี (English: nuclear decay หรือ radioactivity) เป็นกระบวนการที่ นิวเคลียสของอะตอมที่ไม่เสถียร สูญเสียพลังงานจากการปลดปล่อยรังสี. วัตถุใดที่ปลดปล่อยรังสีด้วยตัวเอง-เช่นอนุภาคแอลฟา, อนุภาคบีตา, รังสีแกมมา และ อิเล็กตรอนจากกระบวนการการแปลงภายใน วัตถุนั้นจะถูกเรียกว่ามี "กัมมันตรังสี" การสลายให้กัมมันตรังสีเป็นกระบวนการแบบ stochastic (เช่นแบบสุ่ม) ที่ระดับอะตอมเดียว ในกระบวนการนั้น ตาม"ทฤษฎีควอนตัม" มันไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรที่อะตอมหนึ่ง ๆ จะสลายตัว[1][2][3][4] โอกาสที่อะตอมใดอะตอมหนึ่งจะสลายตัวไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือว่า มันไม่สำคัญว่าอะตอมได้มีอยู่นานมาแล้วแค่ไหน อย่างไรก็ตาม สำหรับแหล่งสะสมขนาดใหญ่ของอะตอม อัตราการสลายตัวสำหรับแหล่งสะสมนั้นสามารถคำนวณได้จาก"ค่าคงที่การสลายตัว"ของมันที่ถูกวัดได้หรือครึ่งชีวิตของมัน นี่คือพื้นฐานของเทคนิคการระบุวันที่ที่เรียกว่า radiometric dating หรือ radioactive dating. ครึ่งชีวิตของอะตอมกัมมันตรังสีไม่มีข้อจำกัดสำหรับความสั้นหรือความยาวของระยะเวลา และช่วงตลอด 55 หน่วยแมกนิจูดของเวลา การสลายให้กัมมันตรังสีมีหลายประเภท (ดูตารางด้านล่าง) การสลายหรือการสูญเสียพลังงานจากนิวเคลียส เกิดขึ้นเมื่ออะตอมที่มีนิวเคลียสประเภทหนึ่งที่เรียกว่า นิวไคลด์รังสีพ่อแม่ (English: parent nuclide) (หรือไอโซโทปรังสีพ่อแม่[note 1])) แปลงเป็นอะตอมตัวหนึ่งที่มีนิวเคลียสตัวหนึ่งที่อยู่ในสถานะที่แตกต่างกัน หรือที่มีนิวเคลียสตัวหนึ่งที่มีจำนวนโปรตอนและนิวตรอนที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์นี้เรียกว่า"นิวไคลด์ลูก" (English: daughter nuclide) ในการสูญสลายบางครั้ง นิวไคลด์ของพ่อแม่และของลูกมีองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกัน จึงเป็นผลให้กระบวนการสลายตัวทำการผลิตอะตอมของธาตุที่แตกต่างกัน กระบวนการนี้เรียกว่า การแปรนิวเคลียส (English: nuclear transmutation) กระบวนการสลายตัวครั้งแรกที่ถูกค้นพบเป็นการสลายให้อนุภาคแอลฟา, การสลายให้อนุภาคบีตาและการสลายตัวให้รังสีแกมมา การสลายให้อนุภาคแอลฟาจะเกิดขึ้นเมื่อนิวเคลียสปลดปล่อยอนุภาคแอลฟาออกมา (นิวเคลียสของฮีเลียม) นี้เป็นกระบวนการที่พบมากที่สุดของการปลดปล่อยนิวคลีออน แต่ในรูปแบบที่หายากของการสลายตัวเช่นนิวเคลียสสามารถปลดปล่อยโปรตอน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัมมันตรังสี มองเห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การสลายให้กัมมันตรังสี Article: การสลายให้กัมมันตรังสี (English: radioactive decay) หรือ การสลายของนิวเคลียส หรือ กัมมันตภาพรังสี (English: nuclear decay หรือ radioactivity) เป็นกระบวนการที่ นิวเคลียสของอะตอมที่ไม่เสถียร สูญเสียพลังงานจากการปลดปล่อยรังสี. วัตถุใดที่ปลดปล่อยรังสีด้วยตัวเอง-เช่นอนุภาคแอลฟา, อนุภาคบีตา, รังสีแกมมา และ อิเล็กตรอนจากกระบวนการการแปลงภายใน วัตถุนั้นจะถูกเรียกว่ามี "กัมมันตรังสี" การสลายให้กัมมันตรังสีเป็นกระบวนการแบบ stochastic (เช่นแบบสุ่ม) ที่ระดับอะตอมเดียว ในกระบวนการนั้น ตาม"ทฤษฎีควอนตัม" มันไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรที่อะตอมหนึ่ง ๆ จะสลายตัว[1][2][3][4] โอกาสที่อะตอมใดอะตอมหนึ่งจะสลายตัวไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือว่า มันไม่สำคัญว่าอะตอมได้มีอยู่นานมาแล้วแค่ไหน อย่างไรก็ตาม สำหรับแหล่งสะสมขนาดใหญ่ของอะตอม อัตราการสลายตัวสำหรับแหล่งสะสมนั้นสามารถคำนวณได้จาก"ค่าคงที่การสลายตัว"ของมันที่ถูกวัดได้หรือครึ่งชีวิตของมัน นี่คือพื้นฐานของเทคนิคการระบุวันที่ที่เรียกว่า radiometric dating หรือ radioactive dating. ครึ่งชีวิตของอะตอมกัมมันตรังสีไม่มีข้อจำกัดสำหรับความสั้นหรือความยาวของระยะเวลา และช่วงตลอด 55 หน่วยแมกนิจูดของเวลา การสลายให้กัมมันตรังสีมีหลายประเภท (ดูตารางด้านล่าง) การสลายหรือการสูญเสียพลังงานจากนิวเคลียส เกิดขึ้นเมื่ออะตอมที่มีนิวเคลียสประเภทหนึ่งที่เรียกว่า นิวไคลด์รังสีพ่อแม่ (English: parent nuclide) (หรือไอโซโทปรังสีพ่อแม่[note 1])) แปลงเป็นอะตอมตัวหนึ่งที่มีนิวเคลียสตัวหนึ่งที่อยู่ในสถานะที่แตกต่างกัน หรือที่มีนิวเคลียสตัวหนึ่งที่มีจำนวนโปรตอนและนิวตรอนที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์นี้เรียกว่า"นิวไคลด์ลูก" (English: daughter nuclide) ในการสูญสลายบางครั้ง นิวไคลด์ของพ่อแม่และของลูกมีองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกัน จึงเป็นผลให้กระบวนการสลายตัวทำการผลิตอะตอมของธาตุที่แตกต่างกัน กระบวนการนี้เรียกว่า การแปรนิวเคลียส (English: nuclear transmutation) กระบวนการสลายตัวครั้งแรกที่ถูกค้นพบเป็นการสลายให้อนุภาคแอลฟา, การสลายให้อนุภาคบีตาและการสลายตัวให้รังสีแกมมา การสลายให้อนุภาคแอลฟาจะเกิดขึ้นเมื่อนิวเคลียสปลดปล่อยอนุภาคแอลฟาออกมา (นิวเคลียสของฮีเลียม) นี้เป็นกระบวนการที่พบมากที่สุดของการปลดปล่อยนิวคลีออน แต่ในรูปแบบที่หายากของการสลายตัวเช่นนิวเคลียสสามารถปลดปล่อยโปรตอน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัลโชเซเรียอาคือลีกฟุตบอลในอิตาลีใช่หรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เซเรียอา Article: กัลโชเซเรียอา (อิตาเลียนฟุตบอลแชมเปียนชิป หรือกัมปีโอนาโต หรือสกูเดตโต) เป็นชื่อของลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศอิตาลี ที่เริ่มทำการแข่งขันกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1898 ซึ่งเจนัว เป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์ได้ ในขณะที่โดยรวมแล้ว ยูเวนตุสเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยได้แชมป์ไปถึง 34 สมัย รองลงมาเป็นมิลาน กับอินเตอร์ ที่ได้แชมป์ 18 สมัยเท่ากัน ซึ่งสโมสรที่คว้าแชมป์ได้ทุก ๆ 10 สมัย จะได้รับสัญลักษณ์ดาวสีทอง ติดอยู่ด้านบนของสัญลักษณ์ทีมบนเสื้อ 1 ดวง ดังนั้น ยูเวนตุส จึงมี 3 ดาวติดอยู่ด้านบนของสัญลักษณ์ทีมบนเสื้อ ขณะที่อินเตอร์มิลาน และมิลาน มีทีมละ 1 ดาว การแข่งขันรายการนี้ในบางปีนั้นไม่มีแชมป์ ได้แก่ ในปี ค.ศ. 1915-1919 เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และปี ค.ศ. 1943-1945 เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 (ในปี ค.ศ. 1944 FIGC มอบแชมป์ย้อนหลังให้กับสเปเซีย) นอกจากนี้ ยังมีการริบแชมป์ของโตรีโน ในปี ค.ศ. 1927 อีกทั้งยังมีคดีกัลโช่โปลีที่ทีมฟิออเรนติน่า มิลาน ลาซิโอ และยูเวนตุส ต้องถูกฟ้องในข้อหา การพัวพันการกำหนดตัวผู้ตัดสินในนัดที่ตัวเองลงแข่ง โดยมีหลักฐานมาจากซิมการ์ดโทรศัพท์ที่มีบทสนทนาของเหล่าทีมข้างต้น เป็นเหตุให้ยูเว่ถูกริบแชมป์ ในปี ค.ศ. 2005 และ 2006 (ในปี ค.ศ. 2006 FIGC มอบแชมป์ให้กับอินเตอร์ ทีมอันดับที่ 2 ในฤดูกาลนั้น) ซึ่งภายหลังแม้จะมีการตรวจสอบพบว่า อินเตอร์ก็มีส่วนพัวพันกับคดีนี้ด้วย แต่เนื่องจากคดีหมดอายุความ ทำให้อินเตอร์ไม่ถูกสอบสวน ส่วนในฤดูกาล ค.ศ. 1921-22 นั้น มีทีมแชมป์อยู่ 2 ทีม คือ โนเวเซ ซึ่งรับรองโดย FIGC และโปรแวร์เชลลี ที่รับรองโดย CCI เมื่อจบฤดูกาล 3 ทีมอันดับสุดท้ายของตารางจะตกชั้นลงในเล่นในเซเรียบี และทีมจากเซเรียบีจะเลื่อนชั้นขึ้นมา ส่วน 4 ทีมที่อันดับดีสุดจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยสี่ทีมอันดับแรกจะผ่านเข้าไปรอในรอบแบ่งกลุ่ม(ทีมชนะเลิศได้อยู่โถ 1) ส่วนอันดับ 5 จะมีสิทธิเข้าไปเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีก เจ็ดสาวน้อย ในวงการฟุตบอลอิตาลี จะมีคำศัพท์เรียกว่า "7 sorelle" แปลว่า "7 สาวน้อย" อันหมายถึงทีมที่มีสิทธิ์ที่จะได้แชมป์เซเรียอา (โดยเฉพาะในช่วงยุคทศวรรษที่ 90) ซึ่งประกอบไปด้วยทั้งหมด 7 ทีม คือ ยูเวนตุส, เอซีมิลาน, อินเตอร์มิลาน, โรมา, ลาซีโอ, ปาร์มา และ นาโปลี[1] [2] สโมสรที่เข้าร่วมกัลโชเซเรียอา (ฤดูกาล...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัวลาลัมเปอร์ มีLRTกี่สาย?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: รถไฟเร็วกัวลาลัมเปอร์ Article: รถไฟเร็วกัวลาลัมเปอร์ เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติ จำกัด ([Syarikat Prasarana Negara Berhad]error: {{lang}}: text has italic markup (help)) และแรพิดเคแอล (RapidKL) ให้บริการในเขตกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย[1] ประกอบด้วยเส้นทางรถไฟฟ้ารางเบาซึ่งได้แก่สายอัมปังและสายเกอลานาจายา กับเส้นทางเคแอลโมโนเรล นอกจากนี้ยังมีเส้นทางรถไฟชานเมือง ดำเนินการโดยบริษัท ทางรถไฟมลายู จำกัด ([Keretapi Tanah Melayu Berhad]error: {{lang}}: text has italic markup (help)) และรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ เส้นทางมีจำนวน 60 สถานี 64.6 กิโลเมตร รางมาตรฐาน ความถี่ระหว่าง 3-23 นาที[2] เส้นทางในปัจจุบัน ระเบียงภาพ สายเกอลานาจายา สายอัมปัง สถานีบันดารายา สถานีอัมปังพาร์ก สถานีมหาวิทยาลัย อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น * หมวดหมู่:รถไฟฟ้าโมโนเรลในประเทศมาเลเซีย กัวลาลัมเปอร์ กัวลาลัมเปอร์
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัวลาลัมเปอร์ มีMRTกี่สาย?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: รถไฟเร็วกัวลาลัมเปอร์ Article: รถไฟเร็วกัวลาลัมเปอร์ เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติ จำกัด ([Syarikat Prasarana Negara Berhad]error: {{lang}}: text has italic markup (help)) และแรพิดเคแอล (RapidKL) ให้บริการในเขตกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย[1] ประกอบด้วยเส้นทางรถไฟฟ้ารางเบาซึ่งได้แก่สายอัมปังและสายเกอลานาจายา กับเส้นทางเคแอลโมโนเรล นอกจากนี้ยังมีเส้นทางรถไฟชานเมือง ดำเนินการโดยบริษัท ทางรถไฟมลายู จำกัด ([Keretapi Tanah Melayu Berhad]error: {{lang}}: text has italic markup (help)) และรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ เส้นทางมีจำนวน 60 สถานี 64.6 กิโลเมตร รางมาตรฐาน ความถี่ระหว่าง 3-23 นาที[2] เส้นทางในปัจจุบัน ระเบียงภาพ สายเกอลานาจายา สายอัมปัง สถานีบันดารายา สถานีอัมปังพาร์ก สถานีมหาวิทยาลัย อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น * หมวดหมู่:รถไฟฟ้าโมโนเรลในประเทศมาเลเซีย กัวลาลัมเปอร์ กัวลาลัมเปอร์
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัวลาลัมเปอร์ มีกี่อำเภอ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กัวลาลัมเปอร์ Article: กัวลาลัมเปอร์ (Malay: Kuala Lumpur, อักษรยาวี: كوالا لومڤور, ออกเสียงตามภาษามลายูว่า กัวลาลุมปูร์) เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซียและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ภายในมาเลเซียเอง กัวลาลัมเปอร์มักจะเรียกย่อ ๆ ว่า KL กัวลาลัมเปอร์เป็นหนึ่งในสามดินแดนสหพันธ์ของมาเลเซีย (Malaysian Federal Territories) ล้อมรอบด้วยรัฐเซอลาโงร์บนชายฝั่งตะวันตกตอนกลางของคาบสมุทรมลายู ฝ่ายบริหารของรัฐบาลมาเลเซียได้ย้ายไปที่เมืองใหม่คือ ปูตราจายา อย่างไรก็ดี พระราชฐานของกษัตริย์ของมาเลเซีย รัฐสภามาเลเซีย และฝ่ายนิติบัญญัติยังคงอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประวัติ ภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ เขตการปกครอง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ศาสนา สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ได้แก่ หอคอยกัวลาลัมเปอร์ (Menara Kuala Lumpur) อาคารเปโตรนาสทาวเวอร์ (Petronas Towers) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของเมือง ที่แวดล้อมด้วยสวนสาธารณะ และส่วนอาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ (KLCC) อาคารเปโตรนาส เคยเป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในโลกในช่วง ค.ศ. 1998-2004 จนกระทั่งอาคารไทเป 101 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใน ค.ศ. 2004 แต่ยังคงเป็นอาคารแฝดที่มีความสูงที่สุดในโลก[5] อาคารเปโตรนาสมี 2 อาคาร นับเป็นอาคารที่สูงที่สุดอันดับ 8 และ 9 ของโลก[6] การศึกษา วัฒนธรรม การคมนาคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น กัวลาลัมเปอร์ กัวลาลัมเปอร์
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัวลาลัมเปอร์ มีพื้นที่เท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กัวลาลัมเปอร์ Article: กัวลาลัมเปอร์ (Malay: Kuala Lumpur, อักษรยาวี: كوالا لومڤور, ออกเสียงตามภาษามลายูว่า กัวลาลุมปูร์) เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซียและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ภายในมาเลเซียเอง กัวลาลัมเปอร์มักจะเรียกย่อ ๆ ว่า KL กัวลาลัมเปอร์เป็นหนึ่งในสามดินแดนสหพันธ์ของมาเลเซีย (Malaysian Federal Territories) ล้อมรอบด้วยรัฐเซอลาโงร์บนชายฝั่งตะวันตกตอนกลางของคาบสมุทรมลายู ฝ่ายบริหารของรัฐบาลมาเลเซียได้ย้ายไปที่เมืองใหม่คือ ปูตราจายา อย่างไรก็ดี พระราชฐานของกษัตริย์ของมาเลเซีย รัฐสภามาเลเซีย และฝ่ายนิติบัญญัติยังคงอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประวัติ ภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ เขตการปกครอง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ศาสนา สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ได้แก่ หอคอยกัวลาลัมเปอร์ (Menara Kuala Lumpur) อาคารเปโตรนาสทาวเวอร์ (Petronas Towers) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของเมือง ที่แวดล้อมด้วยสวนสาธารณะ และส่วนอาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ (KLCC) อาคารเปโตรนาส เคยเป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในโลกในช่วง ค.ศ. 1998-2004 จนกระทั่งอาคารไทเป 101 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใน ค.ศ. 2004 แต่ยังคงเป็นอาคารแฝดที่มีความสูงที่สุดในโลก[5] อาคารเปโตรนาสมี 2 อาคาร นับเป็นอาคารที่สูงที่สุดอันดับ 8 และ 9 ของโลก[6] การศึกษา วัฒนธรรม การคมนาคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น กัวลาลัมเปอร์ กัวลาลัมเปอร์
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัวลาลัมเปอร์ สถาปนาเป็นเมืองหลวงเมื่อปีใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศมาเลเซีย Article: มาเลเซีย (มาเลเซีย: Malaysia) เป็นประเทศสหพันธรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยรัฐ 13 รัฐ และดินแดนสหพันธ์ 3 ดินแดน และมีเนื้อที่รวม 330,803 ตารางกิโลเมตร (127,720 ตารางไมล์) โดยมีทะเลจีนใต้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน ได้แก่ มาเลเซียตะวันตกและมาเลเซียตะวันออก มาเลเซียตะวันตกมีพรมแดนทางบกและทางทะเลร่วมกับไทย และมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับสิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย มาเลเซียตะวันออกมีพรมแดนทางบกและทางทะเลร่วมกับบรูไนและอินโดนีเซีย และมีพรมแดนทางทะเลกับร่วมฟิลิปปินส์และเวียดนาม เมืองหลวงของประเทศคือกัวลาลัมเปอร์ ในขณะที่ปูตราจายาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ด้วยประชากรจำนวนกว่า 30 ล้านคน มาเลเซียจึงเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 42 ของโลก ตันจุงปีไอ (Tanjung Piai) จุดใต้สุดของแผ่นดินใหญ่ทวีปยูเรเชียอยู่ในมาเลเซีย มาเลเซียเป็นประเทศในเขตร้อน และเป็นหนึ่งใน 17 ประเทศของโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่ง (megadiverse country) โดยมีชนิดพันธุ์เฉพาะถิ่นเป็นจำนวนมาก มาเลเซียมีต้นกำเนิดมาจากอาณาจักรมลายูหลายอาณาจักรที่ปรากฏในพื้นที่ แต่ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา อาณาจักรเหล่านั้นก็ทยอยขึ้นตรงต่อจักรวรรดิบริเตน โดยอาณานิคมกลุ่มแรกของบริเตนมีชื่อเรียกรวมกันว่านิคมช่องแคบ ส่วนอาณาจักรมลายูที่เหลือกลายเป็นรัฐในอารักขาของบริเตนในเวลาต่อมา ดินแดนทั้งหมดในมาเลเซียตะวันตกรวมตัวกันเป็นครั้งแรกในฐานะสหภาพมาลายาในปี พ.ศ. 2489 มาลายาถูกปรับโครงสร้างเป็นสหพันธรัฐมาลายาในปี พ.ศ. 2491 และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 มาลายารวมกับบอร์เนียวเหนือ ซาราวัก และสิงคโปร์เป็นมาเลเซียเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2506 แต่ไม่ถึงสองปีถัดมา คือในปี พ.ศ. 2508 สิงคโปร์ก็ถูกขับออกจากสหพันธ์[1] มาเลเซียเป็นประเทศพหุชาติพันธุ์และพหุวัฒนธรรมซึ่งมีบทบาทอย่างมากในด้านการเมือง ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดมีเชื้อสายมลายู โดยมีชนกลุ่มน้อยกลุ่มสำคัญคือ ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และชนพื้นเมืองดั้งเดิมกลุ่มต่าง ๆ รัฐธรรมนูญประกาศให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ก็ยังให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาแก่ผู้ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม ระบบรัฐบาลมีรูปแบบคล้ายคลึงกับระบบรัฐสภาเวสต์มินสเตอร์ ระบบกฎหมายมีพื้นฐานอยู่บนระบบคอมมอนลอว์...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กัวลาลัมเปอร์ อยู่ที่ประเทศอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กัวลาลัมเปอร์ Article: กัวลาลัมเปอร์ (Malay: Kuala Lumpur, อักษรยาวี: كوالا لومڤور, ออกเสียงตามภาษามลายูว่า กัวลาลุมปูร์) เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซียและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ภายในมาเลเซียเอง กัวลาลัมเปอร์มักจะเรียกย่อ ๆ ว่า KL กัวลาลัมเปอร์เป็นหนึ่งในสามดินแดนสหพันธ์ของมาเลเซีย (Malaysian Federal Territories) ล้อมรอบด้วยรัฐเซอลาโงร์บนชายฝั่งตะวันตกตอนกลางของคาบสมุทรมลายู ฝ่ายบริหารของรัฐบาลมาเลเซียได้ย้ายไปที่เมืองใหม่คือ ปูตราจายา อย่างไรก็ดี พระราชฐานของกษัตริย์ของมาเลเซีย รัฐสภามาเลเซีย และฝ่ายนิติบัญญัติยังคงอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประวัติ ภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ เขตการปกครอง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ศาสนา สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ได้แก่ หอคอยกัวลาลัมเปอร์ (Menara Kuala Lumpur) อาคารเปโตรนาสทาวเวอร์ (Petronas Towers) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของเมือง ที่แวดล้อมด้วยสวนสาธารณะ และส่วนอาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ (KLCC) อาคารเปโตรนาส เคยเป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในโลกในช่วง ค.ศ. 1998-2004 จนกระทั่งอาคารไทเป 101 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใน ค.ศ. 2004 แต่ยังคงเป็นอาคารแฝดที่มีความสูงที่สุดในโลก[5] อาคารเปโตรนาสมี 2 อาคาร นับเป็นอาคารที่สูงที่สุดอันดับ 8 และ 9 ของโลก[6] การศึกษา วัฒนธรรม การคมนาคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น กัวลาลัมเปอร์ กัวลาลัมเปอร์
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กากกัมมันตรังสีก่อให้เกิดมะเร็งได้หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กากกัมมันตรังสี Article: กากกัมมันตรังสี (English: Radioactive waste) เป็นของเสียที่ประกอบด้วยสารกัมมันตรังสี กากกัมมันตรังสีมักจะเป็น'ผลพลอยได้'ของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์และการใช้งานอื่นๆจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันหรือเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เช่นการวิจัยนิวเคลียร์และการแพทย์นิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสีเป็นอันตรายต่อสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐในการที่จะปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันเกิดขึ้นเมื่ออนุภาคนิวตรอนไปกระทบกับนิวเคลียสของยูเรเนียมในสภาวะที่เหมาะสม ทำให้นิวเคลียสของยูเรเนียมแตกออกเป็นธาตุใหม่สองชนิดที่เป็นธาตุกัมมันตรังสีพร้อมทั้งให้พลังงานและนิวตรอนที่เกิดขึ้นใหม่ด้วย ธาตุใหม่สองชนิดที่เกิดจากการแตกตัวของยูเรเนียมนี้เองเรียกว่า กากกัมมันตรังสี ซึ่งจะติดอยู่ในเม็ดเชื้อเพลิง ยูเรเนียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะถูกอัดเป็นเม็ดเซรามิก บรรจุเรียงตัวกันภายในแท่งเชื้อเพลิง จากนั้นจึงนำไปใช้งานในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสีจากปฏิกิริยาการแตกตัวของยูเรเนียมที่เกิดอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ภายในเครื่องปฏิกรณ์จะถูกกักเก็บอย่างมิดชิดภายในเม็ดเชื้อเพลิงที่มีปลอกแท่งเชื้อเพลิงห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ภายหลังการใช้งานแท่งเชื้อเพลิงไประยะหนึ่งจะมีกากกัมมันตรังสีเกิดสะสมขึ้นในเม็ดเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก ทำให้ประสิทธิภาพของปฏิกิริยาลูกโซ่ลดลงจึงจำเป็นต้องมีการสับเปลี่ยนนำแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว (English: spent nuclear fuel (SNF)) ออกมาและเติมแท่งเชื้อเพลิงใหม่เข้าไปเพื่อให้ปฏิกิริยาดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ระหว่างการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังมีกากกัมมันตรังสีบางประเภทปะปนในน้ำระบายความร้อนและอุปกรณ์ภายในเครื่องปฏิกรณ์ จากการดูดจับอนุภาคนิวตรอน ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ผลิตไฟฟ้ามีภาระรับผิดชอบในการจัดการกับกากกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันมิให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกสู่ภายนอกโรงไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม กัมมันตภาพรังสีสามารถสูญสลายตามธรรมชาติไปตามกาลเวลา ดังนั้นกากกัมมันตรังสีจะต้องมีการแยกและถูกคุมขังในสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการกำจัดที่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานเพียงพอจนกว่ามันจะไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงอีกต่อไป ระยะเวลาของการเก็บกากของเสียจะขึ้นอยู่กับประเภทของของเสียและประเภทของไอโซโทปกัมมันตรังสี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กากกัมมันตรังสีเป็นอันตรายทำให้มนุษยืสามารถเสียชีวิตได้หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กากกัมมันตรังสี Article: กากกัมมันตรังสี (English: Radioactive waste) เป็นของเสียที่ประกอบด้วยสารกัมมันตรังสี กากกัมมันตรังสีมักจะเป็น'ผลพลอยได้'ของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์และการใช้งานอื่นๆจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันหรือเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เช่นการวิจัยนิวเคลียร์และการแพทย์นิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสีเป็นอันตรายต่อสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐในการที่จะปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันเกิดขึ้นเมื่ออนุภาคนิวตรอนไปกระทบกับนิวเคลียสของยูเรเนียมในสภาวะที่เหมาะสม ทำให้นิวเคลียสของยูเรเนียมแตกออกเป็นธาตุใหม่สองชนิดที่เป็นธาตุกัมมันตรังสีพร้อมทั้งให้พลังงานและนิวตรอนที่เกิดขึ้นใหม่ด้วย ธาตุใหม่สองชนิดที่เกิดจากการแตกตัวของยูเรเนียมนี้เองเรียกว่า กากกัมมันตรังสี ซึ่งจะติดอยู่ในเม็ดเชื้อเพลิง ยูเรเนียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะถูกอัดเป็นเม็ดเซรามิก บรรจุเรียงตัวกันภายในแท่งเชื้อเพลิง จากนั้นจึงนำไปใช้งานในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสีจากปฏิกิริยาการแตกตัวของยูเรเนียมที่เกิดอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ภายในเครื่องปฏิกรณ์จะถูกกักเก็บอย่างมิดชิดภายในเม็ดเชื้อเพลิงที่มีปลอกแท่งเชื้อเพลิงห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ภายหลังการใช้งานแท่งเชื้อเพลิงไประยะหนึ่งจะมีกากกัมมันตรังสีเกิดสะสมขึ้นในเม็ดเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก ทำให้ประสิทธิภาพของปฏิกิริยาลูกโซ่ลดลงจึงจำเป็นต้องมีการสับเปลี่ยนนำแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว (English: spent nuclear fuel (SNF)) ออกมาและเติมแท่งเชื้อเพลิงใหม่เข้าไปเพื่อให้ปฏิกิริยาดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ระหว่างการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังมีกากกัมมันตรังสีบางประเภทปะปนในน้ำระบายความร้อนและอุปกรณ์ภายในเครื่องปฏิกรณ์ จากการดูดจับอนุภาคนิวตรอน ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ผลิตไฟฟ้ามีภาระรับผิดชอบในการจัดการกับกากกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันมิให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกสู่ภายนอกโรงไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม กัมมันตภาพรังสีสามารถสูญสลายตามธรรมชาติไปตามกาลเวลา ดังนั้นกากกัมมันตรังสีจะต้องมีการแยกและถูกคุมขังในสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการกำจัดที่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานเพียงพอจนกว่ามันจะไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงอีกต่อไป ระยะเวลาของการเก็บกากของเสียจะขึ้นอยู่กับประเภทของของเสียและประเภทของไอโซโทปกัมมันตรังสี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กากนิวเคลียร์ เกิดจากอะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กากกัมมันตรังสี Article: กากกัมมันตรังสี (English: Radioactive waste) เป็นของเสียที่ประกอบด้วยสารกัมมันตรังสี กากกัมมันตรังสีมักจะเป็น'ผลพลอยได้'ของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์และการใช้งานอื่นๆจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันหรือเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เช่นการวิจัยนิวเคลียร์และการแพทย์นิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสีเป็นอันตรายต่อสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐในการที่จะปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันเกิดขึ้นเมื่ออนุภาคนิวตรอนไปกระทบกับนิวเคลียสของยูเรเนียมในสภาวะที่เหมาะสม ทำให้นิวเคลียสของยูเรเนียมแตกออกเป็นธาตุใหม่สองชนิดที่เป็นธาตุกัมมันตรังสีพร้อมทั้งให้พลังงานและนิวตรอนที่เกิดขึ้นใหม่ด้วย ธาตุใหม่สองชนิดที่เกิดจากการแตกตัวของยูเรเนียมนี้เองเรียกว่า กากกัมมันตรังสี ซึ่งจะติดอยู่ในเม็ดเชื้อเพลิง ยูเรเนียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะถูกอัดเป็นเม็ดเซรามิก บรรจุเรียงตัวกันภายในแท่งเชื้อเพลิง จากนั้นจึงนำไปใช้งานในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสีจากปฏิกิริยาการแตกตัวของยูเรเนียมที่เกิดอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ภายในเครื่องปฏิกรณ์จะถูกกักเก็บอย่างมิดชิดภายในเม็ดเชื้อเพลิงที่มีปลอกแท่งเชื้อเพลิงห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ภายหลังการใช้งานแท่งเชื้อเพลิงไประยะหนึ่งจะมีกากกัมมันตรังสีเกิดสะสมขึ้นในเม็ดเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก ทำให้ประสิทธิภาพของปฏิกิริยาลูกโซ่ลดลงจึงจำเป็นต้องมีการสับเปลี่ยนนำแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว (English: spent nuclear fuel (SNF)) ออกมาและเติมแท่งเชื้อเพลิงใหม่เข้าไปเพื่อให้ปฏิกิริยาดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ระหว่างการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังมีกากกัมมันตรังสีบางประเภทปะปนในน้ำระบายความร้อนและอุปกรณ์ภายในเครื่องปฏิกรณ์ จากการดูดจับอนุภาคนิวตรอน ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ผลิตไฟฟ้ามีภาระรับผิดชอบในการจัดการกับกากกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันมิให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกสู่ภายนอกโรงไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม กัมมันตภาพรังสีสามารถสูญสลายตามธรรมชาติไปตามกาลเวลา ดังนั้นกากกัมมันตรังสีจะต้องมีการแยกและถูกคุมขังในสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการกำจัดที่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานเพียงพอจนกว่ามันจะไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงอีกต่อไป ระยะเวลาของการเก็บกากของเสียจะขึ้นอยู่กับประเภทของของเสียและประเภทของไอโซโทปกัมมันตรังสี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กาญจนา นาคนันทน์ เขียนหนังสือเล่มแรกชื่ออะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กาญจนา นาคนันทน์ Article: กาญจนา นาคนันทน์ เป็นนามปากกาของ นงไฉน ปริญญาธวัช (สกุลเดิม: นาคามดี; 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 — 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (นวนิยายและเรื่องสั้น) พ.ศ. 2555 นักเขียนเจ้าของผลงาน ผู้ใหญ่ลีกับนางมา, ธรณีนี่นี้ใครครอง และ ผู้กองยอดรัก เป็นต้น ประวัติ นงไฉน ปริญญาธวัช (สกุลเดิม: นาคามดี) เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 ที่จังหวัดชัยภูมิ[1] เป็นบุตรสาวของรองอำมาตย์ตรี มนู นาคามดี[2][3] หรือ หนู นาคามดี ผู้อำนวยการโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลคนที่ 6[4] นงไฉน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนฝึกหัดครูมัธยม และปริญญาตรีด้านกฎหมาย[1]จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[5] และเป็นอดีตอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[6] เริ่มพิมพ์งานประพันธ์ในหนังสือ "นครสาร" เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2489 มีความชำนาญในการเขียนนวนิยาย บทความ สารคดี เรื่องสั้น และบทกวี มีความสามารถเขียนหนังสือได้หลายแนวหลายประเภท มีผลงานการประพันธ์หลายประเภทอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเรื่องยาวประมาณ 50 เรื่อง และ เรื่องสั้นอีกกว่า 100 เรื่อง และได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (นวนิยายและเรื่องสั้น) พ.ศ. 2555 มรณกรรม นงไฉน ปริญญาธวัช ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ณ บ้านพักส่วนตัวในตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ศพตั้งบำเพ็ญกุศล ณ วัดปะตงวนาราม ตำบลปะตง อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เป็นระยะเวลา 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ถึง 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.00 น.[7][8] ผลงาน ผลงานสารคดี คุณป้าท่องโลก พระพี่นางสุพรรณกัลยาณี ผลงานวรรณกรรมเยาวชน นิทานคุณย่า (แปลจากนิทานรัสเซีย) เขาชื่อเดช สามดรุณ (ได้รับรางวัลงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2521) หนูชอบเชียงเมี่ยง โลกกว้าง บ้านหนูอยู่หาดเสี้ยว (ได้รับรางวัลหนังสือเด็กเยาวชนบัวหลวง พ.ศ. 2521) แม่ - ไต้ฝุ่นมาแล้ว (พายุเกย์ พ.ศ. 2519) ผมชื่อไอ้จุก ผลงานชุดพุทธศาสนา และจริยธรรม พี่ชาย หนูน้อยกลอยใจ ผลงานนวนิยาย เธอเป็นเพียงแหวนพลอย กุ้งนาง เกวลีสอยดาว โขมยที่รัก จุดหมายปลายทางของการดา คนึงนิจ แค่ขอบฟ้า ชื่นชีวานาวี ทาง(ห)ลวง ธรณีนี่นี้ใครครอง(ได้รับรางวัลงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2518) ผู้กองยอดรัก ยอดรักผู้กอง ผู้กองอยู่ไหน ผู้ใหญ่ลีกับนางมา (เป็นหนังสือที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กาย ฟอกส์ เสียชีวิตเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กาย ฟอกส์ Article: กาย ฟอกส์ (English: Guy Fawkes; 13 เมษายน ค.ศ. 1570 – 31 มกราคม ค.ศ. 1606) ที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า กวีโด ฟอกส์ (Italian: Guido Fawkes) อันเป็นชื่อที่เขาใช้ขณะสู้รบให้กับสเปนในกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ เป็นสมาชิกกลุ่มคาทอลิกอังกฤษแขวงผู้วางแผนแผนดินปืน (Gunpowder Plot) ที่ล้มเหลวในปี ค.ศ. 1605 ฟอกส์เกิดและได้รับการศึกษาในยอร์ก บิดาเขาเสียชีวิตเมื่อฟอกส์อายุได้แปดขวบ จากนั้น มารดาเขาสมรสกับผู้นับถือคาทอลิกที่ไม่เข้าร่วมกิจการของศาสนจักรแห่งอังกฤษ (recusant) ภายหลังฟอกส์เปลี่ยนมานับถือคาทอลิกและเดินทางไปแผ่นดินใหญ่ยุโรป ที่ซึ่งเขาสู้รบในสงครามแปดสิบปี โดยอยู่ฝ่ายสเปนคาทอลิก และสู้รบกับนักปฏิรูปดัตช์โปรเตสแตนต์ เขาเดินทางไปสเปนเพื่อแสวงการสนับสนุนกบฏคาทอลิกในอังกฤษ แต่ไม่สำเร็จ ภายหลังเขาพบทอมัส วินเทอร์ (Thomas Wintour) ซึ่งเดินทางกลับอังกฤษพร้อมกับเขาด้วย วินเทอร์แนะนำฟอกส์ให้รู้จักรอเบิร์ต เคตส์บี (Robert Catesby) ผู้วางแผนลอบปลงพระชนม์พระเจ้าเจมส์ที่ 1 และฟื้นฟูพระมหากษัตริย์คาทอลิกสู่ราชบัลลังก์ กลุ่มผู้วางแผนเช่าห้องใต้ดินใต้สภาขุนนาง และฟอกส์ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบระเบิดดินปืนที่พวกเขาเก็บสะสมไว้ที่นั่น ทางการค้นพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ในช่วงเช้ามืดวันที่ 5 พฤศจิกายนหลังได้รับการแจ้งเตือนจากจดหมายนิรนาม และพบฟอกส์กำลังเฝ้าระเบิดอยู่ เขาถูกสอบสวนและทรมานอยู่สองสามวันจนยอมเปิดเผยข้อมูลในที่สุด ก่อนการประหารชีวิตในวันที่ 31 มกราคม ฟอกส์กระโดดจากตะแลงแกงที่เขากำลังจะถูกแขวนคอ และคอหัก จึงไม่ได้รับความทรมานจากการถูกตัดและคว้านอวัยวะที่ตามมา ชื่อของฟอกส์กลายเป็นคำพ้องกับแผนระเบิดดินปืน มีการเฉลิมฉลองความล้มเหลวของแผนดังกล่าวในอังกฤษตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1605 ตามประเพณีมีการเผาหุ่นจำลองของเขาบนกองไฟ ซึ่งมักร่วมด้วยการแสดงดอกไม้ไฟ ชีวิตช่วงต้น วัยเด็ก กาย ฟอกส์เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1570 ในย่านสโตนเกตของเมืองยอร์ก เขาเป็นบุตรคนที่สองจากสี่คนของเอดเวิร์ด ฟอกส์ ผู้แทนในคดี (proctor) และทนายความของศาลคันซิสทอรี (consistory court) หรือศาลสงฆ์ประเภทหนึ่งในยอร์ก[lower-alpha 1] และภรรยา อีดิธ[lower-alpha 2] บิดามารดาของกายเป็นสมาชิกคริสตจักรแห่งอังกฤษเช่นเดียวกับปู่ย่า ย่าเขาซึ่งมีชื่อเมื่อเกิดว่า เอลเลน แฮร์ริงตัน เป็นธิดาพ่อค้าคนสำคัญที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองยอร์กในปี ค.ศ. 1536[4] ทว่า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กายภาพบำบัด เกิดขึ้นเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล Article: คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสถาบันที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัยที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเรียนการสอนด้านกายภาพบำบัดในประเทศไทย [1] และเป็นสถาบันที่ผลิตนักกายภาพบำบัดเป็นแห่งแรกของประเทศ[2] ปัจจุบันเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี โท เอก และประกาศนียบัตรบัณฑิต ในสาขากายภาพบำบัด และหลักสูตรระดับปริญญาตรี ในสาขากิจกรรมบำบัด นับได้ว่าเป็นคณะที่มีบทบาทต่อการบริการสังคมมากที่สุดแห่งหนึ่ง[3] ประวัติ พ.ศ. 2508 ศาสตราจารย์ นายแพทย์เฟื่อง สัตย์สงวน หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้ก่อตั้ง "โรงเรียนกายภาพบำบัด" ซึ่งเป็นสถาบันแห่งแรกที่ผลิตบัณฑิตกายภาพบำบัดระดับปริญญาตรี [4] พ.ศ. 2542 โรงเรียนกายภาพบำบัด ได้รับการยกฐานะเป็น "คณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์" โดยการสนับสนุนของศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2552 สภามหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อคณะจาก "คณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์" เป็น "คณะกายภาพบำบัด" ดังในปัจจุบัน [5] [6] หลักสูตร ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต เปิดสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 เป็นหลักสูตรปริญญาตรี สาขากายภาพบำบัดแห่งแรกของประเทศไทย วิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชากิจกรรมบำบัด (OT) เปิดสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ระดับบัณฑิตศึกษา ประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชากายภาพบำบัดคลินิก วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชากายภาพบำบัด เปิดสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 เป็นหลักสูตรปริญญาโท สาขากายภาพบำบัดแห่งแรกของประเทศไทย ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชากายภาพบำบัด (หลักสูตรนานาชาติ) เปิดสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นหลักสูตรปริญญาเอก สาขากายภาพบำบัดแห่งแรกของประเทศไทย ที่อยู่/สถานที่ตั้ง ศาลายา คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล 999 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170 ใกล้เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ศูนย์กายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล 198/2 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700 แหล่งข้อมูลอื่น อ้างอิง มหิดล กายภาพบำบัด
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder กายภาพบำบัดนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กายภาพบำบัด Article: กายภาพบำบัด (English: physical therapy หรือ physiotherapy) เป็นวิชาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน รักษา และจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติ ที่เกิดขึ้นจากสภาพและภาวะของโรค ที่เกิดขึ้นในทุกช่วงของชีวิต กายภาพบำบัด จะกระทำโดย นักกายกายภาพบำบัด (Physical therapist หรือ Physiotherapist หรือย่อว่า PT) หรือผู้ช่วยนักกายภาพบำบัด (Physical Therapy Assistant) ภายใต้การดูแลและแนวทางของนักกายภาพบำบัด [1] อย่างไรก็ตาม ได้มีการใช้การรักษาทางกายภาพบำบัดบางอย่างโดยผู้ประกอบวิชาชีพสุขภาพอื่นๆ เช่น ไคโรแพรคเตอร์ , แพทย์ทางด้านการจัดกระดูก และโปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัด ยังเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการสาธารณสุขอื่นๆอีกด้วย[2] นักกายภาพบำบัด จะใช้ประวัติทางการรักษา และข้อมูลจากการตรวจร่างกาย เพื่อประกอบการให้การบำบัด ถ้าหากว่าจำเป็น นักกายภาพบำบัดอาจจะใช้ผลจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และการศึกษาภาพถ่ายทางรังสี ประกอบการบำบัดรักษาด้วย เป็นต้น [3] นักกายภาพบำบัด ปฏิบัติงานในหลายลักษณะงาน เช่น ในส่วนของผู้ป่วยนอก คลินิค หรือสำนักงาน, แผนกผู้ป่วยใน เกี่ยวกับเวชกรรมฟื้นฟู, ผู้ป่วยที่ทำการฟื้นฟูอยู่บ้าน, วงการการศึกษา หรือศูนย์วิจัย, โรงเรียน, สถานพักฟื้น,โรงงานอุตสาหกรรม,ศูนย์ฟิตเนส และ สถานการฝึกสอนนักกีฬา [4] แพทย์อย่างเช่น ฮิปโปกราเตส และ เฮกเตอร์ เป็นผู้ที่ซึ่งเชื่อว่า เป็นบุคคลกลุ่มแรกที่ริเริ่มการรักษาทางกายภาพบำบัดในสมัยโบราณ ได้นำการรักษาโดยการนวดและการทำธาราบำบัด มาใช้รักษาผู้ป่วย ตั้งแต่ 460 ปีก่อนคริสตกาล [5] หลักฐานในสมัยแรกสุดที่ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับกายภาพบำบัดจัดว่า กายภาพบำบัด คือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนไปในปี 1894 เมื่อพยาบาลสี่คนในอังกฤษ รวมตัวกันเพื่อจัดตั้ง ชมรมผู้ประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด [6] ประเทศอื่นๆ ก็ได้ดำเนินการเช่นกันและเริ่มมีการทำหลักสูตรการสอนที่เป็นระบบ เช่นเมื่อปี 1913 ได้มีโรงเรียนกายภาพบำบัด ที่มหาวิทยาลัยโอทาโก ในนิวซีแลนด์[7], และในสหรัฐอเมริกา ในปี 1914 ที่ Reed College ในพอร์ทแลนด์ รัฐ ออริกอน [8] งานวิจัยก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพบำบัด งานวิจัยทางกายภาพบำบัดฉบับแรก ถูกตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อ เดือนมีนาคม ปี 1921 ใน The PT Review ในปีเดียวกันนั้น แมรี่ แมคมิลลาน ได้ก่อตั้ง สมาคมกายภาพบำบัด (ปัจจุบันคือ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การกล่าวอ้างหมายถึงอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การอ้างอิง Article: โดยทั่วไป การอ้างอิง คือการอ้างถึงบางสิ่ง หรือการอธิบายบางสิ่งหรือสิ่งที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างสองสิ่ง ความเกี่ยวข้องกันระหว่างสองสิ่งนั้นอาจเป็น หนังสือ สถานที่ หรือบทคัดย่อ เช่น ข้อมูล, ความคิด หรือความจำ สิ่งที่เป็นสิ่งอ้างอิง เรียกว่า ผู้ถูกอ้างอิง ความหมายของการอ้างอิง มีความหมายต่างกันในแต่ล่ะการใช้งาน ดังนี้ อรรถศาสตร์ ในภาษาอังกฤษโดยทั่วไปในทางอรรถศาสตร์ การอ้างอิง หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างนามหรือสรรพนามกับวัตถุที่อ้างถึง ยกตัวอย่างเช่น คำว่า John ที่หมายถึง สุนัขชื่อ John เมื่อเราใช้สรรพนามบุรุษที่สาม คือ it นั้นคือการอ้างถึงสุนัขชื่อ John ซึ่งเป็นผู้ถูกอ้างอิงนั้นเอง ศิลปะ ทางศิลปะ การอ้างอิงแสดงถึงผลงานที่เป็นพื้นฐานของศิลปะชิ้นนั้น รวมถึงผลงานศิลปะเดิมที่มีอยู่ เช่นการอัดสำเนารูปภาพ หมวดหมู่:ปรัชญาตรรกศาสตร์ หมวดหมู่:การอ้างอิง
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การกำหนดสภาพอากาศแต่ะวันเป็นการหาค่าเหมาะที่สุดแบบเฟ้นสุ่มหรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน Article: ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน (ความคิดฝ่ายตน)[1] หรือ ความลำเอียงเพื่อยืนยัน (English: Confirmation bias, confirmatory bias, myside bias) เป็นความลำเอียงในข้อมูลที่ยืนยันความคิดหรือทฤษฎีหรือสมมติฐานฝ่ายตน[upper-alpha 1][2] เรียกว่ามีความลำเอียงนี้เมื่อสะสมหรือกำหนดจดจำข้อมูลที่เลือกเฟ้น หรือว่าเมื่อมีการตีความหมายข้อมูลอย่างลำเอียง ความลำเอียงนี้มีอยู่ในระดับสูงในประเด็นที่ให้เกิดอารมณ์หรือเกี่ยวกับความเชื่อที่ฝังมั่น นอกจากนั้นแล้ว คนมักตีความหมายข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนว่าสนับสนุนความคิดเห็นของตนเอง มีการใช้การสืบหา การตีความหมาย และการทรงจำข้อมูลประกอบด้วยความลำเอียงเช่นนี้ เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ รวมทั้ง ความเห็นที่สุดโต่งเพิ่มขึ้น (attitude polarization) คือเมื่อข้อขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้นแม้ว่าทุก ๆ ฝ่ายจะได้หลักฐานเดียวกัน ความยึดมั่นอยู่กับความเชื่อ (belief perseverance) แม้ว่าหลักฐานจะแสดงว่าเป็นความเชื่อผิด ๆ การให้น้ำหนักกับหลักฐานที่ได้ตอนต้น ๆ ที่ไร้เหตุผล (irrational primacy effect) เป็นการให้น้ำหนักกับหลักฐานที่ได้ในตอนต้นและตอนอื่น ๆ ที่ไม่เท่ากัน สหสัมพันธ์ลวง (illusory correlation) คือมีการเชื่อมเหตุการณ์หรือสถานการณ์สองอย่างเข้าด้วยกัน โดยสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นจริง งานทดลองหลายงานในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ส่อว่า มนุษย์มีความลำเอียงที่จะยืนยันความเชื่อที่มีอยู่ของตน ส่วนงานวิจัยต่อ ๆ มาตีความหมายของผลการทดลองเหล่านั้นใหม่ว่า เป็นความเอนเอียงที่จะทดสอบความคิดต่าง ๆ จากทางด้านเดียวเท่านั้น คือ ให้ความสนใจต่อข้อสันนิษฐานเพียงข้อเดียวโดยที่ไม่ใส่ใจข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ข้ออื่น ๆ ในบางกรณี ความลำเอียงนี้สามารถทำลายความเป็นกลางของข้อสรุป เหตุที่ใช้ในการอธิบายความลำเอียงเช่นนี้รวมทั้งความอยากที่จะให้เป็นอย่างนั้น (wishful thinking) และสมรรถภาพที่จำกัดในการประมวลข้อมูลของมนุษย์ ส่วนคำอธิบายอีกอย่างหนึ่งก็คือมนุษย์มีความเอนเอียงเพื่อยืนยันความคิดฝ่ายตน เพราะคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเสียไปถ้าตนเองเป็นฝ่ายผิด แทนที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเป็นกลาง ๆ โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ความลำเอียงนี้ทำให้เกิดความมั่นใจมากเกินไปในความเชื่อส่วนตัวของตนและสามารถรักษาหรือแม้แต่ทำให้ตั้งมั่นยิ่งขึ้นซึ่งความเชื่อผิด ๆ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การกินสิ่่งที่ไม่ใช่อาหารของสัตว์คือส่วนหนึ่งของจิตพยาธิวิทยาสัตว์ ใช่หรือไ่ม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ชีววิทยา Article: ชีววิทยา (English: Biology) เป็นแขนงหนึ่งของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (natural science) ที่ศึกษาเกี่ยวกับชีวิต และสิ่งมีชีวิต ซึ่งรวมถึง โครงสร้าง การทำงาน การเจริญเติบโต ถิ่นกำเนิด วิวัฒนาการ การกระจายพันธุ์ และอนุกรมวิธาน[1] โดยเป็นการศึกษาในทุก ๆ แง่มุมของสิ่งมีชีวิต โดยคำว่า ชีววิทยา (Biology) มาจากภาษากรีก คือคำว่า "bios" แปลว่า สิ่งมีชีวิต และ "logos" แปลว่า วิชา หรือการศึกษาอย่างมีเหตุผล อาจารย์กรองทิพย์สอนไม่รู้เรื่องเลย เปลี่ยนคนสอนที แขนงวิชาชีววิทยา มีแขนงย่อย 4 กลุ่ม การศึกษาโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต เช่นเซลล์ ยีน การศึกษาการทำงานของโครงสร้างต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับเนื้อเยื่อ ระดับอวัยวะ จนถึงระดับร่างกาย การศึกษาประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต เช่น วิวัฒนาการ การศึกษาความสัมพันธ์ในระหว่างสิ่งมีชีวิต เช่น การพึงพาอาศัยกัน การเกือกุลของสิ่งมีชีวิต ระบบการศึกษา การศึกษาสิ่งมีชีวิตในระดับอะตอมและโมเลกุล จัดอยู่ในสาขาวิชาอณูชีววิทยา ชีวเคมี และอณูพันธุศาสตร์ การศึกษาในระดับเซลล์ จัดอยู่ในสาขาวิชาเซลล์วิทยา และในระดับเนื้อเยื่อ จัดอยู่ในสาขาวิชาสรีรวิทยา กายวิภาคศาสตร์ และมิญชวิทยา สาขาวิชาคัพภวิทยาเป็นการศึกษาการเจริญเติบโตและพัฒนาการของตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิต ประเภทสาขา สาขาวิชาพันธุศาสตร์เป็นการศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง สาขาวิชาพฤติกรรมวิทยาเป็นการศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มสิ่งมีชีวิต สาขาวิชาพันธุศาสตร์ประชากรเป็นการศึกษาพันธุศาสตร์ในระดับประชากรของสิ่งมีชีวิต การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกับสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง และระหว่างสิ่งมีชีวิตกับถิ่นที่อยู่อาศัย จัดอยู่ในสาขาวิชานิเวศวิทยาและชีววิทยาของวิวัฒนาการ ปรากฏการณ์ทางชีววิทยา ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงจากทางธรรมชาติ เกิดจากการความแตกต่างของสภาพพื้นที่ และการใช้ชีวิตของการดำรงชีวิต เช่น นกนางแอ่น ในทะเล กับ นกนางแอ่น บนภาคพื้นที่อยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกันแต่ แตกต่างในการดำรงชีวิตและลักษณะของสภาพร่างกาย เป็นต้น หลักของวิชาชีววิทยา หลักทฤษฎีเซลล์ (Cell Theory). ซึ่งทฤษฎีนี้ระบุว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะต้องประกอบไปเซลล์อย่างน้อยหนึ่งเซลล์ ซึ่งเซลล์ถือว่าเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สุดของการทำงานในสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ กระบวนการทางกลศาสตร์และทางเคมีต่างก็ล้วนอาศัยเซลล์เป็นตัวขับเคลื่อนกระบวนการเช่นเดียวกัน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การกีฬาแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การกีฬาแห่งประเทศไทย Article: การกีฬาแห่งประเทศไทย (ชื่อย่อ: กกท.; English: Sports Authority of Thailand; SAT) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 286 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ประวัติ การกีฬาแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2528 ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ปีเดียวกัน[1] โดยเหตุผลในการประกาศใช้คือ เพื่อจัดตั้งองค์กรรัฐวิสาหกิจขึ้นแทน องค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งขึ้นตาม พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2507 ที่ประกาศเมื่อ 12 กันยายน ปีดังกล่าว[2] และให้มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมการกีฬา และควบคุมการดำเนินกิจการกีฬาได้กว้างขวาง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฯ ฉบับปี พ.ศ. 2528[1] ต่อมา พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ประกาศใช้แทนพระราชบัญญัติฯ ฉบับปี พ.ศ. 2528 โดยให้มีผลบังคับ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป[3] การบริหารงาน อาศัยอำนาจ ตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560 การกีฬาแห่งประเทศไทย มีโครงสร้างการบริหารคือ คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ทั้งหมด 15 คน ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ ผู้แทนสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” ซึ่งมาจากการเลือกกันเองของ นายกสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” จำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ ผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดซึ่งมาจากการเลือกกันเองของนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด จำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกินสามคน โดยให้แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ด้านกฎหมาย การแพทย์ การบริหารการกีฬา หรือวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นกรรมการ ให้ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นกรรมการและเลขานุการ[4] และกรรมการโดยตำแหน่ง กับกรรมการซึ่งแต่งตั้ง ตามมติคณะรัฐมนตรี และมี<i...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การก่อตั้งคณะราษฎรในปี 2469 มีใครเป็นแกนนำ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: คณะราษฎร Article: คณะราษฎร (อ่านว่า "คะ-นะ-ราด-สะ-ดอน";[1] มักสะกดผิดเป็น คณะราษฎร์) คือ กลุ่มบุคคลที่ดำเนินการการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยาม จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ อาจได้ชื่อว่าเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกของไทย ภูมิหลัง ราชอาณาจักรสยามปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาติได้ประสบกับปัญหาซึ่งเกิดจากรัฐบาลต้องรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่ร้ายแรงและภัยคุกคามจากต่างชาติ (จักรวรรดิอังกฤษและจักรวรรดิฝรั่งเศส) นอกจากนี้ ประเทศยังประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมขนานใหญ่เมื่อชาวเมืองและชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครเริ่มขยายจำนวนขึ้น และเริ่มแสดงความต้องการสิทธิเพิ่มมากขึ้นจากรัฐบาล และวิจารณ์ว่ารัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ คณะราษฎรประกอบด้วยกลุ่มบุคคลผู้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนและนักเรียนทหารที่ศึกษาและทำงานอยู่ในทวีปยุโรป โดยเริ่มต้นจากปรีดี พนมยงค์ นักเรียนวิชากฎหมาย และประยูร ภมรมนตรี[remark 1] นักเรียนวิชารัฐศาสตร์ ก่อนที่จะหาสมาชิกที่มีความคิดแบบเดียวกันเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 7 คน ได้แก่ [2] ร้อยโท ประยูร ภมรมนตรี นักเรียนวิชารัฐศาสตร์ ประเทศฝรั่งเศส ปรีดี พนมยงค์ นักเรียนวิชากฎหมาย ประเทศฝรั่งเศส ร้อยโท แปลก ขีตตะสังคะ นักเรียนวิชาทหารปืนใหญ่ ประเทศฝรั่งเศส ร้อยตรี ทัศนัย มิตรภักดี นักเรียนวิชาทหารม้า ประเทศฝรั่งเศส ตั้ว ลพานุกรม นักเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จรูญ สิงหเสนี[remark 2] ผู้ช่วยราชการสถานทูตสยามในประเทศฝรั่งเศส แนบ พหลโยธิน นักเรียนวิชากฎหมาย ประเทศอังกฤษ และได้ทำการประชุมครั้งแรกที่บ้านพักเลขที่ 9 ถนนซอเมอราร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ซึ่งติดต่อกันนานถึง 4 คืน 5 วัน โดยมีร้อยโท แปลก ที่สมาชิกคณะราษฎรคนอื่น ๆ เรียกว่า "กัปตัน" เป็นประธานในการประชุม[3] ที่ประชุมมีมติตกลงที่จะทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย โดยตกลงที่ใช้วิธีการ "ยึดอำนาจโดยฉับพลัน" รวมทั้งพยายามหลีกเลี่ยงการนองเลือด เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นแล้วในการปฏิวัติฝรั่งเศสและการปฏิวัติรัสเซีย[4]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามฯ ในปี พ.ศ.ใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: โรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ Article: โรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ เป็นกลุ่มโรงภาพยนตร์ ซึ่งเกือบทั้งหมดมีที่ตั้งอยู่ในย่านสยามสแควร์ ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย โรงภาพยนตร์สยาม โรงภาพยนตร์ลิโด และ โรงภาพยนตร์สกาลา จดทะเบียนธุรกิจในนาม "สยามมหรสพ"[1] มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2511 ขณะที่ข้อมูลจากบางสำนักระบุว่าบริษัท เอเพกซ์ภาพยนตร์ จำกัด เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ทั้งลิโดและสกาลา โดยบริษัทดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2523 มีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท[2] จากจุดตั้งต้น 1 ล้านบาท มีเจ้าของประกอบไปด้วย กัมพล ตันสัจจา, นันทา ตันสัจจา และ วิวัฒน์ ตันสัจจา ที่บริหารสวนนงนุช[3] ในปัจจุบันโรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์ ทั้ง 4 แห่งนั้น ได้ปิดตัวไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ซึ่งถูกทุบทิ้งในปี พ.ศ. 2532 โรงภาพยนตร์สยาม ถูกวางเพลิงจนเสียหายหมดทั้งอาคาร จากการชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่ปี พ.ศ. 2553[4] และโรงภาพยนตร์ลิโด ที่ปิดตัวเพราะหมดสัญญากับทางจุฬาฯ ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 คงเหลือแต่เพียงโรงภาพยนตร์สกาลาแต่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่ยังคงเปิดตัวอยู่จนถึงปัจจุบัน ประวัติ เครือเอเพ็กซ์ ก่อตั้งโดย นายพิสิฐ ตันสัจจา นักธุรกิจเจ้าของกิจการโรงภาพยนตร์ ที่ประสบความสำเร็จ จากการริเริ่มเข้าปรับปรุง "ศาลาเฉลิมไทย" โรงละครที่ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนินกลาง ใกล้แยกป้อมมหากาฬ ให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ มีความจุประมาณ 1,500 ที่นั่ง รวมถึงการนำเข้าระบบต่าง ๆ สำหรับโรงภาพยนตร์ เช่น ระบบสามมิติ, ระบบซีเนมาสโคป, ระบบทอคค์-เอโอ, ระบบซีเนรามาเลนส์เดี่ยว, ระบบซีเนรามาสามเลนส์พร้อมกัน และ ระบบ 70 มิลลิเมตร เข้ามาติดตั้งในประเทศไทย ขณะกำลังก่อสร้างศูนย์การค้าสยามสแควร์ นายกอบชัย ซอโสตถิกุล ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท เซาท์อีสต์เอเชียก่อสร้าง จำกัด (ซีคอน) ที่รับเหมาออกแบบ และก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ภายในสยามสแควร์ ติดต่อมายังนายพิสิฐ เพื่อเสนอให้ลงทุน เปิดกิจการโรงภาพยนตร์ ภายในสยามสแควร์ บนพื้นที่ริมถนนพระรามที่ 1 ทั้งนี้ อาคารโรงภาพยนตร์ทั้งสามแห่ง มีนายพิสิฐ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ส่วนนายกอบชัย เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้าง โรงภาพยนตร์สยาม ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในย่านนี้ ความจุ 800 ที่นั่ง แต่เดิมจะใช้ชื่อว่า โรงภาพยนตร์ "จุฬา" แต่มีผู้คัดค้าน เนื่องจากไปพ้องกับ พระนามในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ "จุฬาลงกรณ์"...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การขาดธาตุเหล็กส่งผลต่อการมองเห็นหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การขาดธาตุเหล็ก Article: การขาดธาตุเหล็ก[1] หรือ ภาวะขาดธาตุเหล็ก[2] (English: Iron deficiency) เป็นการขาดสารอาหารที่สามัญที่สุดในโลก[3][4][5] ธาตุเหล็กมีอยู่ในเซลล์ทั้งหมดของร่างกายมนุษย์และมีหน้าที่สำคัญมากหลายอย่าง เช่น การนำเอาออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ จากปอด โดยเป็นองค์ประกอบกุญแจสำคัญของโปรตีนเฮโมโกลบินในเลือด, การเป็นสื่อนำอิเล็กตรอนภายในเซลล์ในรูป cytochrome, การอำนวยการใช้และการเก็บออกซิเจนภายในกล้ามเนื้อโดยเป็นส่วนของไมโยโกลบิน, และเป็นสิ่งที่จำเป็นในปฏิกิริยาของเอนไซม์ในอวัยวะต่าง ๆ การมีธาตุเหล็กน้อยเกินไปสามารถรบกวนหน้าที่จำเป็นต่าง ๆ เหล่านี้ โดยทำให้เกิดโรค และอาจให้ถึงตายได้[6] ปริมาณธาตุเหล็กทั้งหมดในร่างกายมีประมาณ 3.8 ก. ในชาย และ 2.3 ก. ในหญิง ส่วนในน้ำเลือด เหล็กจะเวียนไปกับเลือดโดยยึดกับโปรตีน transferrin อย่างแน่น มีกลไกหลายอย่างที่ควบคุมเมแทบอลิซึมของเหล็กในมนุษย์ และป้องกันไม่ให้ขาด กลไกควบคุมหลักอยู่ในทางเดินอาหาร แต่ถ้าการสูญเสียเหล็กไม่สามารถชดเชยได้จากการทานอาหาร ภาวะขาดเหล็กก็จะเกิดขึ้นในที่สุด และถ้าไม่รักษา ก็จะลามไปเป็นภาวะโลหิตจางเหตุขาดธาตุเหล็ก (iron deficiency anemia) แต่ก่อนจะถึงภาวะโลหิตจาง ภาวะการขาดธาตุเหล็กโดยที่ยังไม่ถึงภาวะโลหิตจางเรียกว่า Latent Iron Deficiency (LID) หรือ Iron-deficient erythropoiesis (IDE) การขาดธาตุเหล็กที่ไม่รักษาอาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจากเหตุขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นภาวะโลหิตจางที่สามัญ[7] โดยมีเม็ดเลือดแดง (erythrocytes) หรือเฮโมโกลบิน ไม่พอ คือ ภาวะโลหิตจางเหตุขาดธาตุเหล็กจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีเหล็กไม่พอ มีผลลดการผลิตโปรตีนเฮโมโกลบิน ซึ่งเป็นตัวจับออกซิเจนและทำให้เม็ดเลือดแดงสามารถส่งออกซิเจนให้กับอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เด็ก หญิงช่วงวัยเจริญพันธุ์ และบุคคลที่มีอาหารไม่สมบูรณ์เสี่ยงต่อโรคมากที่สุด กรณีโดยมากของภาวะโลหิตจางเหตุขาดธาตุเล็กไม่รุนแรง แต่ถ้าไม่รักษาก็อาจสามารถสร้างปัญหาเช่นหัวใจเต้นเร็วหรือไม่ปกติ ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ การโตช้าสำหรับทารกหรือเด็ก[8] อาการ อาการขาดธาตุเหล็กสามารถเกิดขึ้นก่อนลามเป็นภาวะโลหิตจางเหตุขาดธาตุเหล็ก แต่อาการเหล่านี้ไม่เฉพาะเจาะจงต่อการขาดธาตุเหล็กเท่านั้น เหล็กจำเป็นต่อการทำงานที่เป็นปกติของเอนไซม์ ดังนั้น อาจจะเกิดอาการต่าง ๆ มากมายในที่สุด โดยเป็นอาการทุติยภูมิจากภาวะโลหิตจาง...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การควบคุมทางวิทยาศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่เท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สถานีอวกาศนานาชาติ Article: สถานีอวกาศนานาชาติ (English: International Space Station, ISS, Russian: Междунаро́дная косми́ческая ста́нция, МКС, French: Station spatiale internationale, SSI) เป็นห้องทดลองและสถานอำนวยความสะดวกสำหรับงานค้นคว้าวิจัยในระดับนานาชาติซึ่งถูกประกอบขึ้นในวงโคจรต่ำของโลก การก่อสร้างเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 และมีแผนดำเนินการเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 2012 ขณะที่การปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี ค.ศ. 2020 หรืออาจเป็นไปได้ถึงปี ค.ศ. 2028[1][2] เราสามารถมองเห็นสถานีอวกาศนานาชาติได้ด้วยตาเปล่าจากพื้นโลก[3] เนื่องจากสถานีอวกาศแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ในระดับวงโคจรของโลก โดยมีมวลมากกว่าสถานีอวกาศใดๆที่มนุษย์เคยสร้างมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด[4] สถานีอวกาศนานาชาติทำหน้าที่เป็นห้องทดลองวิจัยอย่างถาวรในอวกาศ ทำการทดลองด้านต่าง ๆ ได้แก่ ชีววิทยา ชีววิทยามนุษย์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และ อุตุนิยมวิทยา ซึ่งต้องอาศัยการทดลองในสภาวะที่มีแรงโน้มถ่วงน้อยมากๆ[5][6][7] สถานีอวกาศแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานที่ทดสอบสำหรับระบบกระสวยอวกาศที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้สำหรับปฏิบัติการระยะยาวเพื่อการไปสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร[8] การทดลองและการบริหารสถานีอวกาศนานาชาติดำเนินการโดยคณะนักบินอวกาศซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในระยะยาว สถานีเริ่มปฏิบัติการนับแต่ลูกเรือถาวรคณะแรก คือ เอ็กซ์เพดิชั่น 1 ที่ไปถึงสถานีอวกาศตั้งแต่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 จนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2011 คณะลูกเรือชุด เอ็กซ์เพดิชั่น 28 อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่[9] นับรวมแล้วปฏิบัติการนี้ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และถือเป็นสถิติการอยู่อาศัยของมนุษย์ในอวกาศโดยไม่ขาดความต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดอีกด้วย[10] ตัวสถานีอวกาศนานาชาติประกอบด้วยสถานีอวกาศในโครงการต่าง ๆ ของหลายประเทศ ซึ่งรวมไปถึง เมียร์-2 ของอดีตสหภาพโซเวียต, ฟรีดอม ของสหรัฐ, โคลัมบัส ของชาติยุโรป และ คิโบ ของญี่ปุ่น[11][12] งบประมาณจากแต่ละโครงการทำให้ต้องแยกออกเป็นโครงการย่อย ๆ หลายโครงการก่อน แล้วจึงนำไปรวมกันเป็นสถานีนานาชาติที่เสร็จสมบูรณ์ในภายหลัง[11] โครงการสถานีอวกาศนานาชาติเริ่มต้นปี ค.ศ. 1994 จากโครงการกระสวยอวกาศ เมียร์[13] โมดูลแรกของสถานีอวกาศนานาชาติคือ ซาร์ยา ถูกส่งขึ้นในปี ค.ศ. 1998 โดยประเทศรัสเซีย[11]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การควบคุมทางวิทยาศาสตร์ ก่อตั้งโดยใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: จิตวิทยา Article: จิตวิทยา (English: psychology) คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ (กระบวนการของจิต), กระบวนความคิด, และพฤติกรรม ของมนุษย์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เนื้อหาที่นักจิตวิทยาศึกษาเช่น การรับรู้ (กระบวนการรับข้อมูลของมนุษย์), อารมณ์, บุคลิกภาพ, พฤติกรรม, และรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล จิตวิทยายังมีความหมายรวมไปถึงการประยุกต์ใช้ความรู้กับกิจกรรมในด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน (เช่นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัว, ระบบการศึกษา, การจ้างงานเป็นต้น) และยังรวมถึงการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาสำหรับการรักษาปัญหาสุขภาพจิต นักจิตวิทยามีความพยายามที่จะศึกษาทำความเข้าใจถึงหน้าที่หรือจุดประสงค์ต่าง ๆ ของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคลและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในสังคม ขณะเดียวกันก็ทำการศึกษาขั้นตอนของระบบประสาทซึ่งมีผลต่อการควบคุมและแสดงออกของพฤติกรรม บทนำ จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้าเพื่อนำข้อมูลความรู้มาเสนอ อธิบาย และเพื่อควบคุมและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ จิตวิทยามุ่งศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการของร่างกายกับจิตใจ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นระเบียบแบบแผน เพราะร่างกายและจิตใจมักมีการแสดงออกร่วมกัน อีกทั้งยังแสดงออกในแนวทางที่สามารถทำนายได้ ภาษาทางจิตวิทยา จิตวิทยาก็มีการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเพื่อใช้ในการศึกษาเช่นเดียวกับศาสตร์อื่น ๆ คำศัพท์บางส่วนประกอบด้วยคำศัพท์ที่คนทั่วไปใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน คำศัพท์บางคำก็เป็นคำศัพท์ทางวิชาการที่คุ้นเคย ถึงแม้ศัพท์บางคำจะเป็นที่เข้าใจ และคุ้นเคยของคนทั่วไป แต่นักจิตวิทยาก็ได้ให้ความหมายเฉพาะเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการศึกษาจิตวิทยา ปัญหาและการเลือกปัญหาของนักจิตวิทยา เหมือนกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั่วไป กระบวนการทางจิตวิทยา เริ่มจากการเลือกปัญหาที่สนใจ แล้วจึง สังเกต ศึกษา หรือทดลอง อย่างเป็นระบบ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหา แล้วทำการรวบรวม เรียบเรียง และตีความข้อเท็จจริงที่ได้ หากนักจิตวิทยาพบแนวทางที่จะแก้ปัญหาหรือตอบคำถามที่กำหนด และสามารถนำมาสัมพันธ์ เกี่ยวข้องเป็นคำตอบของคำถามกว้าง ๆ ได้ นักจิตวิทยาก็จะสนใจ และลงมือศึกษาทันที แต่บางครั้งปัญหาก็เกิดขึ้นจากการสังเกตสิ่งรอบๆ ตัว นักจิตวิทยาได้แบ่งความคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษาทางจิตวิทยาออกเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ กลุ่มแรกเห็นว่า การเลือกปัญหานั้น...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การควบคุมทางวิทยาศาสตร์ มีหน้าสำคัญคืออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การควบคุมทางวิทยาศาสตร์ Article: การควบคุมทางวิทยาศาสตร์ (English: scientific control) หรือ กลุ่มควบคุมทางวิทยาศาสตร์ เป็นการทดลอง หรือการสังเกตการณ์อันหนึ่ง ที่ทำเพื่อใช้เปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองว่า การกระทำหรือความต่างอย่างอื่นที่มีในกลุ่มทดลองแต่ไม่มีในกลุ่มควบคุม มีผลต่างต่อกลุ่มทดลองอย่างไร[1] หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นกลุ่มที่ทำเพื่อลดผลต่างของตัวแปรอื่น ๆ ยกเว้นตัวแปรอิสระเดียวที่เป็นประเด็นการศึกษา[2] เป็นวิธีการที่เพิ่มความน่าเชื่อถือของผลต่างที่พบ (ที่ควรจะเกิดจากความต่างของตัวแปรอิสระอย่างเดียว) บ่อยครั้งโดยเปรียบเทียบค่าวัดจากกลุ่มควบคุมและค่าวัดในกลุ่มอื่น ๆ กลุ่มควบคุมทางวิทยาศาสตร์เป็นส่วนของระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ ยกตัวอย่างกลุ่มควบคุม (บางครั้งเรียกว่า กลุ่มควบคุมของการทดลอง) ที่ใช้ตรวจสอบผลของปุ๋ย โดยให้ปุ๋ยกับพืชเพียงครึ่งเดียวในแปลง พืชที่ไม่ได้รับปุ๋ยก็คือกลุ่มควบคุม เพราะว่าเป็นกลุ่มแสดงระดับการเติบโตพื้นฐาน ที่จะใช้เปรียบเทียบกับพืชที่ใส่ปุ๋ย ถ้าไม่มีกลุ่มควบคุม การทดลองจะไม่สามารถกำหนดได้ว่า พืชที่ใส่ปุ๋ย โตได้ "ดีกว่า" พืชที่ไม่ใส่หรือไม่ ในการทดลองสมบูรณ์แบบ ตัวแปรทั้งหมดจะมีการควบคุม (คือโดยเปรียบเทียบค่าวัดต่าง ๆ กับกลุ่มควบคุม) และดังนั้น ถ้าตัวแปรอื่น ๆ ควบคุมได้อย่างที่คาดหวัง ก็จะสามารถสรุปได้ว่า การทดลองนั้นดำเนินไปอย่างที่ตั้งใจ และผลที่พบในการทดลอง มาจากความต่างของตัวแปรอิสระที่เป็นประเด็นศึกษา ซึ่งก็คือ เป็นวิธีการที่ทำให้ผู้ทำงานอ้างได้ว่า "สถานการณ์ 2 อย่างเหมือนกันทุกอย่าง จนกระทั่งปัจจัย ก เกิดขึ้น และเนื่องจากปัจจัย ก เป็นความแตกต่างอย่างเดียวที่มีในสองสถานการณ์ ผลที่พบจึงเกิดจากปัจจัย ก" การทดลองแบบควบคุม มีรูปแบบของการทดลองแบบควบคุมหลายอย่าง รูปแบบที่ค่อนข้างง่ายแยกตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง (experimental group) และกลุ่มควบคุม (control group) กลุ่มควบคุมจะไม่ได้อะไร ส่วนกลุ่มทดลองจะได้สิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญที่เป็นประเด็นการทดลอง สถานการณ์ที่เหลือสองกลุ่มจะได้เหมือนกัน กลุ่มควบคุมจะช่วยกำจัดคำอธิบายอื่นของผลที่พบในการทดลอง โดยเฉพาะคำอธิบายว่าเป็นผลที่เกิดจากการวัดผิดพลาด (experimental error) และความเอนเอียงของผู้ทดลอง (experimenter bias) กลุ่มควบคุมหลายอย่างเป็นเรื่องเฉพาะต่อชนิดของการทดลอง เช่น การทดลองเทคนิค SDS-PAGE (Sodium dodecyl sulfate-Polyacrylamide...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การควบคุมทางวิทยาศาสตร์ มีหน้าสำคัญคืออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม Article: การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม[2] (English: randomized controlled trial; randomised control trial[3] ตัวย่อ RCT) เป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์แบบหนึ่ง ที่ใช้เป็นมาตรฐานทอง (gold standard) ของการทดลองทางคลินิก มักจะใช้เพื่อตรวจสอบประสิทธิผลและประสิทธิภาพของบริการสุขภาพ (เช่นการแพทย์หรือการพยาบาล) หรือเทคโนโลยีสุขภาพ (เช่นยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือวิธีการผ่าตัด) โดยทำในกลุ่มคนไข้ที่เป็นตัวแทนประชากรทางสถิติ (statistical population) และใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลลบของการรักษาพยาบาล เช่นปฏิกิริยาเชิงลบต่อยา (adverse drug reactions) ลักษณะเฉพาะของ RCT ที่ทำทั่ว ๆ ไปก็คือ หลังจากที่มีการประเมินคุณสมบัติการรับเลือกของผู้ร่วมการทดลองแต่ก่อนที่จะเริ่มการรักษาพยาบาล (หรือเงื่อนไขอื่น ๆ ถ้าไม่ใช่การทดลองทางการแพทย์) จะมีการจัดผู้ร่วมการทดลองให้อยู่ในกลุ่มสองกลุ่มโดยสุ่ม กลุ่มหนึ่งจะได้รับการรักษาพยาบาล (หรือเงื่อนไข) ที่เป็นประเด็นการศึกษา อีกกลุ่มหนึ่งจะได้รับการรักษาพยาบาล (หรือเงื่อนไข) อีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวควบคุมหรือเป็นตัวเปรียบเทียบ การจัดกลุ่มโดยสุ่มในการทดลองจริง ๆ นั้นซับซ้อน แต่ว่าถ้าคิดอย่างง่าย ๆ จะเป็นกระบวนการเหมือนกับโยนเหรียญที่สมดุล หลังจากการจัดกลุ่มโดยสุ่ม จะมีการปฏิบัติต่อผู้ร่วมการทดลองทั้งสองกลุ่มเหมือน ๆ กันทุกอย่าง ยกเว้นการรักษาพยาบาลที่เป็นประเด็นศึกษา เช่นวิธีการรักษา การตรวจสอบ การรักษาโดยเป็นผู้ป่วยนอก และ/หรือการติดตามผล ข้อดีที่สำคัญที่สุดของการสุ่มที่ทำถูกต้องก็คือ ช่วยลดระดับ allocation bias คือสร้างความสมดุลขององค์พยากรณ์โรค (prognostic factor) ที่มีในคนไข้ ทั้งที่รู้และไม่รู้ ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ที่รับการรักษา[4] กล่าวโดยสาระก็คือ คำว่า "สุ่ม" แสดงถึงกระบวนการจัดผู้ร่วมการทดลองให้อยู่ในกลุ่มการทดลองหรือกลุ่มควบคุมโดยเสี่ยงโชค เพื่อที่จะลดระดับความเอนเอียง แม้ว่าคำว่า "RCT" และ การทดลองแบบสุ่ม (randomized trial) บางครั้งจะใช้เป็นไวพจน์ซึ่งกันและกัน แต่ระเบียบวิธีที่ดีกว่าก็จะใช้คำว่า "RCT" สำหรับการทดลองที่มีกลุ่มควบคุม (control) ที่ไม่ได้รับการรักษาที่เป็นประเด็นศึกษา (placebo-controlled study) หรือรับการรักษาที่มีการทดสอบมาก่อนแล้ว (positive-control study) เท่านั้น ดังนั้น คำว่า การทดลองแบบสุ่ม (randomized trial)...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การควบคุมทางวิทยาศาสตร์สังกัดหน่วยงานอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กรมควบคุมมลพิษ Article: กรมควบคุมมลพิษ (English: Pollution Control Department) เป็นหน่วยงานประเภทกรม อยู่ในสังกัดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่ดูแลจัดการ, ควบคุม, ดูแล และรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ให้เกิดมลพิษ[1] บทบาทและภารกิจทั่วไป ซึ่งถือปฏิบัติตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยให้อำนาจคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คณะกรรมการควบคุมมลพิษ และเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ ในการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ในการควบคุม ป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากภาวะมลพิษ ปัจจุบันอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ คือ สุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ ประวัติ กรมควบคุมมลพิษ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2535 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และยกเลิกพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518 โดยให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ไปเป็นของกรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ภารกิจ เสนอความเห็นเพื่อจัดทำนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านการควบคุมมลพิษ เสนอแนะการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด จัดทำแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมและมาตรการในการควบคุม ป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากภาวะมลพิษ ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและจัดทำรายงานสถานการณ์มลพิษ พัฒนาระบบ รูปแบบและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับระบบต่างๆเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการ กากของเสีย สารอันตราย คุณภาพน้ำ อากาศ ระดับเสียงและความสั่นสะเทือน ประสานงานและดำเนินการเกี่ยวกับการฟื้นฟูหรือระงับเหตุที่อาจเป็นอันตรายจากมลพิษในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนมลพิษและประเมินความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษา...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้นพบไฟฟ้าสถิตนั้นมีมาตั้งแต่ยุคใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประวัติศาสตร์ฟิสิกส์ Article: ประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์ คือ การศึกษาการเติบโตของฟิสิกส์ไม่ได้นำมาเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับโลกแห่งวัตถุ คณิตศาสตร์ และ ปรัชญา เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และการเปลี่ยนรูปแบบของสังคม ฟิสิกส์ถูกพิจารณาในแง่ของทั้งตัวเนื้อความรู้และการปฏิบัติที่สร้างและส่งผ่านความรู้ดังกล่าว การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเริ่มต้นประมาณปี ค.ศ. 1600 เป็นขอบเขตง่าย ๆ ระหว่างแนวคิดโบราณกับฟิสิกส์คลาสสิก ในปี ค.ศ. 1900 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของฟิสิกส์ยุคใหม่ ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ยังไม่มีอะไรแสดงถึงจุดสมบูรณ์ เพราะการค้นพบที่มากขึ้นนำมาซึ่งคำถามที่เกิดขึ้นจากอายุของเอกภพ ไปถึงธรรมชาติของสุญญากาศ และธรรมชาติในที่สุดของสมบัติของอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม ทฤษฎีบางส่วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฟิสิกส์ได้เสนอในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตามรายนามของปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ของฟิสิกส์ ก็ยังคงมีมากอยู่ ฟิสิกส์ยุคแรกเริ่ม ตั้งแต่แรก ช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ ผู้คนพยายามเข้าใจพฤติกรรมของสสาร: ทำไมวัตถุจึงตกลงสู่พื้น ทำไมวัสดุต่างกันจึงมีสมบัติต่างกัน และอื่น ๆ เช่นเดียวกับปริศนาเกี่ยวกับลักษณะของเอกภพ เช่น รูปแบบของโลก และพฤติกรรมของเทหวัตถุบนท้องฟ้า เช่น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พฤติกรรมและธรรมชาติของโลกมักถูกอธิบายเป็นแบบฉบับว่าเกิดจากการก่อกำเนิดการกระทำของพระเจ้า ในที่สุดแล้วการอธิบายธรรมชาติในทางทฤษฎีถูกสร้างขึ้นมาจากการพิจารณาคำถาม เกือบทั้งหมดผิด แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติในความกล้าได้กล้าเสียของการอธิบายอย่างเป็นระบบ และแม้กระทั่งทฤษฎียุคใหม่ เช่น กลศาสตร์ควอนตัม และทฤษฎีสัมพัทธภาพ ยังถูกพิจารณาเป็นเพียง "ทฤษฎีที่ยังไม่มีใครโค่นล้ม" เท่านั้น ทฤษฎีทางกายภาพในยุคโบราณถูกชี้นำไปในทางปรัชญา และน้อยครั้งที่จะมีการตรวจสอบด้วยการทดสอบทดลองอย่างเป็นระบบ ฟิสิกส์ยุคใหม่ การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเริ่มต้นจากปลาย คริสต์ศตวรรษที่ 16 สามารถมองเป็นการแบ่งบานของยุคเรเนสซองซ์ และหนทางสู่อารยธรรมยุคใหม่ ส่วนหนึ่งของความรู้เหล่านี้มาจากการค้นพบใหม่จากองค์ประกอบของวัฒนธรรมกรีก อินเดีย จีนและอิสลามซึ่งรักษาและพัฒนาต่อมาโดยโลกอิสลามจากคริสตรวรรษที่ 8 ถึง 15 และแปลโดยพระชาวคริสต์เป็นภาษาละติน เช่น Almagest การพัฒนาเริ่มด้วยนักวิจัยเพียงส่วนน้อย ซึ่งเกี่ยวพันกันความกล้าได้กล้าเสียซึ่งยังต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เริ่มต้นด้วนดาราศาสตร์...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้าประเวณี มีความผิดตามกฎหมายไทยใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การค้าประเวณีในประเทศไทย Article: การค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย[1] แต่ในทางปฏิบัติพบว่ามีการค้าประเวณีอยู่และถูกควบคุมในบางส่วน[2] การค้าประเวณีพบได้ทั่วประเทศ[3][4] เจ้าพนักงานในท้องถิ่นที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมักจะปกป้องการค้าประเวณี จำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศประมาณให้แน่นอนได้ยาก แต่ละสำนักมีตัวเลขและนิยามที่ต่างกันไป และเป็นที่ถกเถียงกันทั้งในระดับชาติและนานาชาติ[5] ตั้งแต่สงครามเวียดนามเป็นต้นมาประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับเซ็กซ์ทัวร์ [6] ขนาดของการค้าประเวณี เรื่องจำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศในไทยยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ การศึกษาของนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2547 ระบุว่ามีผู้ทำงานเกี่ยวกับบริการทางเพศ 2.8 ล้านคน เป็นผู้หญิง 2 ล้านคน เป็นผู้ชาย 2 หมื่นคน และเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี 8 แสนคน อย่างไรก็ดีมีผู้ท้วงติงว่าตัวเลขนี้น่าจะสูงเกินกว่าความเป็นจริงมาก[7] การศึกษาใน พ.ศ. 2546 ประมาณมูลค่าทางเศรษฐกิจไว้ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือราว 3% ของระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม[8] และประมาณการณ์ว่าอาจมีผู้ค้าบริการทางเพศมากถึง 10,000 คนบนเกาะสมุย และไม่น้อยกว่า 10% ของมูลค่าเงินที่นักท่องเที่ยวนำเข้ามาถูกใช้ในกิจกรรมทางเพศ[9] ส่วนรายงานขององค์การอนามัยโลกใน พ.ศ. 2544 ระบุว่าการประมาณการณ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดระบุว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 150,000 ถึง 200,000 คน[10] การสำรวจโดยภาครัฐบาลพบว่ามีผู้ค่าบริการทางเพศที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ระหว่าง 76,000 ถึง 77,000 คน ในสถานบันเทิงที่จดทะเบียน ในขณะที่กลุ่ม NGO เชื่อว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 200,000 ถึง 300,000 คน[5] รูปแบบการค้าประเวณีในประเทศไทย รูปแบบของการค้าประเวณีในประเทศไทยในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ที่อาจพบได้ง่ายเช่น อาบอบนวด เป็นสถานบริการทางเพศโดยตรง[11] โดยผู้ขายบริการจะนั่งรอภายในสถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง สถานบริการอาบอบนวดมีกระจายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นบางจังหวัด ในกรุงเทพมีมากบริเวณถนนพระราม 9 ถนนเพชรบุรี ถนนรัชดาภิเษก เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถพบโฆษณาของอาบอบนวดบางแห่งได้ในอินเทอร์เน็ต หรือในหนังสือพิมพ์กีฬาบางฉบับอีกด้วย ซ่อง คล้ายคลึงกับอาบอบนวด แต่มักไม่เปิดตัวโจ่งแจ้ง และเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้าประเวณี มีโทษอย่างไรตามกฎหมายไทย?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การค้าประเวณีในประเทศไทย Article: การค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย[1] แต่ในทางปฏิบัติพบว่ามีการค้าประเวณีอยู่และถูกควบคุมในบางส่วน[2] การค้าประเวณีพบได้ทั่วประเทศ[3][4] เจ้าพนักงานในท้องถิ่นที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมักจะปกป้องการค้าประเวณี จำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศประมาณให้แน่นอนได้ยาก แต่ละสำนักมีตัวเลขและนิยามที่ต่างกันไป และเป็นที่ถกเถียงกันทั้งในระดับชาติและนานาชาติ[5] ตั้งแต่สงครามเวียดนามเป็นต้นมาประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับเซ็กซ์ทัวร์ [6] ขนาดของการค้าประเวณี เรื่องจำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศในไทยยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ การศึกษาของนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2547 ระบุว่ามีผู้ทำงานเกี่ยวกับบริการทางเพศ 2.8 ล้านคน เป็นผู้หญิง 2 ล้านคน เป็นผู้ชาย 2 หมื่นคน และเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี 8 แสนคน อย่างไรก็ดีมีผู้ท้วงติงว่าตัวเลขนี้น่าจะสูงเกินกว่าความเป็นจริงมาก[7] การศึกษาใน พ.ศ. 2546 ประมาณมูลค่าทางเศรษฐกิจไว้ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือราว 3% ของระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม[8] และประมาณการณ์ว่าอาจมีผู้ค้าบริการทางเพศมากถึง 10,000 คนบนเกาะสมุย และไม่น้อยกว่า 10% ของมูลค่าเงินที่นักท่องเที่ยวนำเข้ามาถูกใช้ในกิจกรรมทางเพศ[9] ส่วนรายงานขององค์การอนามัยโลกใน พ.ศ. 2544 ระบุว่าการประมาณการณ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดระบุว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 150,000 ถึง 200,000 คน[10] การสำรวจโดยภาครัฐบาลพบว่ามีผู้ค่าบริการทางเพศที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ระหว่าง 76,000 ถึง 77,000 คน ในสถานบันเทิงที่จดทะเบียน ในขณะที่กลุ่ม NGO เชื่อว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 200,000 ถึง 300,000 คน[5] รูปแบบการค้าประเวณีในประเทศไทย รูปแบบของการค้าประเวณีในประเทศไทยในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ที่อาจพบได้ง่ายเช่น อาบอบนวด เป็นสถานบริการทางเพศโดยตรง[11] โดยผู้ขายบริการจะนั่งรอภายในสถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง สถานบริการอาบอบนวดมีกระจายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นบางจังหวัด ในกรุงเทพมีมากบริเวณถนนพระราม 9 ถนนเพชรบุรี ถนนรัชดาภิเษก เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถพบโฆษณาของอาบอบนวดบางแห่งได้ในอินเทอร์เน็ต หรือในหนังสือพิมพ์กีฬาบางฉบับอีกด้วย ซ่อง คล้ายคลึงกับอาบอบนวด แต่มักไม่เปิดตัวโจ่งแจ้ง และเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้าประเวณีผิดกฏหมายในประเทศไทยหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การค้าประเวณีในประเทศไทย Article: การค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย[1] แต่ในทางปฏิบัติพบว่ามีการค้าประเวณีอยู่และถูกควบคุมในบางส่วน[2] การค้าประเวณีพบได้ทั่วประเทศ[3][4] เจ้าพนักงานในท้องถิ่นที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมักจะปกป้องการค้าประเวณี จำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศประมาณให้แน่นอนได้ยาก แต่ละสำนักมีตัวเลขและนิยามที่ต่างกันไป และเป็นที่ถกเถียงกันทั้งในระดับชาติและนานาชาติ[5] ตั้งแต่สงครามเวียดนามเป็นต้นมาประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับเซ็กซ์ทัวร์ [6] ขนาดของการค้าประเวณี เรื่องจำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศในไทยยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ การศึกษาของนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2547 ระบุว่ามีผู้ทำงานเกี่ยวกับบริการทางเพศ 2.8 ล้านคน เป็นผู้หญิง 2 ล้านคน เป็นผู้ชาย 2 หมื่นคน และเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี 8 แสนคน อย่างไรก็ดีมีผู้ท้วงติงว่าตัวเลขนี้น่าจะสูงเกินกว่าความเป็นจริงมาก[7] การศึกษาใน พ.ศ. 2546 ประมาณมูลค่าทางเศรษฐกิจไว้ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือราว 3% ของระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม[8] และประมาณการณ์ว่าอาจมีผู้ค้าบริการทางเพศมากถึง 10,000 คนบนเกาะสมุย และไม่น้อยกว่า 10% ของมูลค่าเงินที่นักท่องเที่ยวนำเข้ามาถูกใช้ในกิจกรรมทางเพศ[9] ส่วนรายงานขององค์การอนามัยโลกใน พ.ศ. 2544 ระบุว่าการประมาณการณ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดระบุว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 150,000 ถึง 200,000 คน[10] การสำรวจโดยภาครัฐบาลพบว่ามีผู้ค่าบริการทางเพศที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ระหว่าง 76,000 ถึง 77,000 คน ในสถานบันเทิงที่จดทะเบียน ในขณะที่กลุ่ม NGO เชื่อว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 200,000 ถึง 300,000 คน[5] รูปแบบการค้าประเวณีในประเทศไทย รูปแบบของการค้าประเวณีในประเทศไทยในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ที่อาจพบได้ง่ายเช่น อาบอบนวด เป็นสถานบริการทางเพศโดยตรง[11] โดยผู้ขายบริการจะนั่งรอภายในสถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง สถานบริการอาบอบนวดมีกระจายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นบางจังหวัด ในกรุงเทพมีมากบริเวณถนนพระราม 9 ถนนเพชรบุรี ถนนรัชดาภิเษก เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถพบโฆษณาของอาบอบนวดบางแห่งได้ในอินเทอร์เน็ต หรือในหนังสือพิมพ์กีฬาบางฉบับอีกด้วย ซ่อง คล้ายคลึงกับอาบอบนวด แต่มักไม่เปิดตัวโจ่งแจ้ง และเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้าประเวณีมีโทษสูงสุดเท่าไหร่ตามกฎหมายไทย?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การค้าประเวณีในประเทศไทย Article: การค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย[1] แต่ในทางปฏิบัติพบว่ามีการค้าประเวณีอยู่และถูกควบคุมในบางส่วน[2] การค้าประเวณีพบได้ทั่วประเทศ[3][4] เจ้าพนักงานในท้องถิ่นที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมักจะปกป้องการค้าประเวณี จำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศประมาณให้แน่นอนได้ยาก แต่ละสำนักมีตัวเลขและนิยามที่ต่างกันไป และเป็นที่ถกเถียงกันทั้งในระดับชาติและนานาชาติ[5] ตั้งแต่สงครามเวียดนามเป็นต้นมาประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับเซ็กซ์ทัวร์ [6] ขนาดของการค้าประเวณี เรื่องจำนวนของผู้ค้าบริการทางเพศในไทยยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ การศึกษาของนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2547 ระบุว่ามีผู้ทำงานเกี่ยวกับบริการทางเพศ 2.8 ล้านคน เป็นผู้หญิง 2 ล้านคน เป็นผู้ชาย 2 หมื่นคน และเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี 8 แสนคน อย่างไรก็ดีมีผู้ท้วงติงว่าตัวเลขนี้น่าจะสูงเกินกว่าความเป็นจริงมาก[7] การศึกษาใน พ.ศ. 2546 ประมาณมูลค่าทางเศรษฐกิจไว้ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือราว 3% ของระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม[8] และประมาณการณ์ว่าอาจมีผู้ค้าบริการทางเพศมากถึง 10,000 คนบนเกาะสมุย และไม่น้อยกว่า 10% ของมูลค่าเงินที่นักท่องเที่ยวนำเข้ามาถูกใช้ในกิจกรรมทางเพศ[9] ส่วนรายงานขององค์การอนามัยโลกใน พ.ศ. 2544 ระบุว่าการประมาณการณ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดระบุว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 150,000 ถึง 200,000 คน[10] การสำรวจโดยภาครัฐบาลพบว่ามีผู้ค่าบริการทางเพศที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ระหว่าง 76,000 ถึง 77,000 คน ในสถานบันเทิงที่จดทะเบียน ในขณะที่กลุ่ม NGO เชื่อว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศระหว่าง 200,000 ถึง 300,000 คน[5] รูปแบบการค้าประเวณีในประเทศไทย รูปแบบของการค้าประเวณีในประเทศไทยในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ที่อาจพบได้ง่ายเช่น อาบอบนวด เป็นสถานบริการทางเพศโดยตรง[11] โดยผู้ขายบริการจะนั่งรอภายในสถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง สถานบริการอาบอบนวดมีกระจายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นบางจังหวัด ในกรุงเทพมีมากบริเวณถนนพระราม 9 ถนนเพชรบุรี ถนนรัชดาภิเษก เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถพบโฆษณาของอาบอบนวดบางแห่งได้ในอินเทอร์เน็ต หรือในหนังสือพิมพ์กีฬาบางฉบับอีกด้วย ซ่อง คล้ายคลึงกับอาบอบนวด แต่มักไม่เปิดตัวโจ่งแจ้ง และเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้าประเวณีเด็ก ตามกฎหมายไทย เป็นความผิดตามกฎหมายอาญาหรือ กฎหมายแพ่ง?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การฆ่าคน Article: การฆ่าคน (murder) เป็นการกระทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตาย จัดเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง ทางนิติศาสตร์แบ่งเป็นสองประเภท คือ การทำให้คนตายโดยเจตนา (homicide) และการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา (manslaughter) การฆ่าคนทั้งสองประเภท ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักหรือเบาตามกฎหมายแล้วแต่กรณี "การฆ่าคน" และ "ฆาตกรรม" คำว่า "การฆ่าคน" เป็นศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน ให้ใช้แทนคำภาษาอังกฤษว่า "murder"[1] ส่วน "ฆาตกรรม" มีความหมายตามพจนานุกรมมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า "การฆ่าคน" แต่มิใช่ศัพท์บัญญัติที่ทางราชการมุ่งหมายให้ใช้อย่างเป็นทางการ[2] ทั้งนี้ "ฆาตกรรม" เป็นคำสมาสระหว่างคำ "ฆาต" (บาลี. ตี, ฟาด, ฟัน, ฆ่า, ทำลาย) + "กรรม" มีความหมายตามอักษรว่า การตี, การฟาด, การฟัน, การฆ่า, การทำลาย ผู้กระทำฆาตกรรมเรียกว่า "ฆาตกร" ปัจจุบันมีการใช้คำ "ฆาตกรรม" คละไปกับคำ "การฆ่าคน" ทั้งนี้ คำทั้งสองมีความหมายเดียวกันดังข้างต้น ภูมิหลังเกี่ยวกับการฆ่าคน การถือว่าการฆ่าคนเป็นความผิดอาญา ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดในประมวลกฎหมายพระเจ้าเออร์-นัมมู (Ur-Nammu) กษัตริย์ชาวสุเมเรียน โดยประมวลกฎหมายดังกล่าวตราขึ้นในระหว่างประมาณ 2100 ปีถึง 2050 ปีก่อน ค.ศ. มาตราหนึ่งบัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดกระทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วไซร้ ผู้นั้นต้องระวางโทษประหารชีวิต" ในศาสนาอับราฮัม การฆ่าคนถือเป็นสิ่งต้องห้าม โดยปรากฏอยู่ในบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้ามอบแก่โมเสสบนยอดเขาเซนาย[3] [4] ตามกฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ การฆ่าคนถือเป็นความผิดสาธารณะ (public wrong) [5] นิยามทางนิติศาสตร์ นิยามของ "การฆ่าคน" นั้น ประเทศที่ใช้กฎหมายจารีตประเพณีเช่นประเทศอังกฤษเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนเอาไว้ตายตัว เพียงรับรู้กันว่าเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ก็เพียงพอแล้ว และในกรณีเช่นนี้ คำตัดสินก่อน ๆ ของศาลมักใช้เป็นที่พิจารณาว่าการฆ่าคนตามกฎหมายจารีตประเพณีนั้นถือเอาการกระทำเช่นไรบ้าง ส่วนประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมายเช่นประเทศไทยมักมีการบัญญัตินิยามของ "การฆ่าคน" เอาไว้อย่างตายตัว และนิยามอาจแก้ไขได้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่เป็นไป องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของการฆ่าคน การฆ่าคนพิจารณาจากองค์ประกอบขั้นพื้นฐานสองประการดังต่อไปนี้ การฆ่าคนนั้นเป็นการกระทำอันจะเป็นความผิดอาญา (actus reus) การฆ่าคนนั้นเป็นไปเพราะมีเจตนาร้าย (mens rea) พิจารณาจากวัตถุประสงค์ ความจงใจ ความหวังผลร้าย การไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้าประเวณีเด็ก มีโทษสูงสุดคืออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การค้าประเวณี Article: การค้าประเวณี (English: prostitution) คือธุรกิจหรือวิธีปฏิบัติโดยการทำกิจกรรมทางเพศเพื่อแลกกับค่าตอบแทน[1][2] ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เงิน ของ บริการ หรือประโยชน์แบบอื่นตามแต่ตกลง หญิงค้าประเวณีนั้นเรียก นครโสเภณี (English: prostitute) แปลว่า "หญิงงามเมือง" (โสเภณี แปลว่า หญิงงาม) และมักตัดไปเรียกว่า "โสเภณี" เฉย ๆ ส่วนภาษาถิ่นอีสานเรียก "หญิงแม่จ้าง" และภาษาปากเรียก "กะหรี่", "หญิงหากิน" หรือ "อีตัว" เป็นต้น สำนักของเหล่านครโสเภณีเรียก โรงนครโสเภณี, โรงหญิงนครโสเภณี หรือ ซ่องโสเภณี (English: bawdy house, brothel, disorderly house, house of ill fame หรือ house of prostitution) ความหมาย หญิงนครโสเภณีนั้นเรียกสั้น ๆ ว่า หญิงโสเภณี หรือโสเภณี ซึ่งเดิมพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (ฉบับ พ.ศ. 2493) ให้นิยามว่า "หญิงงามเมือง, หญิงคนชั่ว" ภาคอีสานเรียกหญิงนครโสเภณีว่า "หญิงแม่จ้าง" คือ เป็นผู้หญิงที่รับจ้างกระทำชำเราสำส่อน โดยได้รับเงินหรือผลประโยชน์เป็นค่าจ้าง นครโสเภณี ที่มีชื่อว่า "นครโสเภณี" นั้น ราชบัณฑิตยสถานว่าเห็นจะเป็นเพราะว่า หญิงพวกนี้อาศัยเมืองหรือนครเป็นที่หาเลี้ยงชีพ หญิงโสเภณีตามชนบทนั้นไม่มี เพราะการเป็นโสเภณีนั้นเป็นที่รังเกียจของสังคม ผู้หญิงพวกนี้จึงอาศัยที่ชุมชนเป็นที่หากิน อีกประการหนึ่ง ในเมืองหรือนครนั้นมีผู้คนลูกค้ามากมาย เป็นการสะดวกแก่การค้าประเวณี อนึ่ง ว่ากันตามรากศัพท์แล้ว ราชบัณฑิตยสถานว่า "นคร" แปลว่าเมือง "โสภิณี" แปลว่าหญิงงาม "นครโสภิณี" จึงแปลว่า หญิงงามประจำเมือง หรือหญิงผู้ทำเมืองให้งาม คำว่า "นครโสเภณี" ปัจจุบันมักเรียกสั้น ๆ ว่า "โสเภณี" หญิงโสเภณีมักรวมกลุ่มกันในสถานค้าประเวณีที่เรียกกันว่า "ซ่องโสเภณี" ซึ่งในภาษาไทยตามกฎหมายเก่า () ว่า "โรงหญิงนครโสเภณี" อย่างไรก็ดี หญิงโสเภณีอาจอยู่ตามโรงแรม สถานอาบอบนวด โรงน้ำชา ภัตตาคาร ร้านเสริมสวย หรือตามสถานบันเทิง หรืออาจอยู่บ้านส่วนตัวและรับจ้างร่วมประเวณีเฉพาะโอกาสก็ได้ หญิงงามเมือง ที่แปลว่า "หญิงงามเมือง" นั้น คำนี้ความหมายเดิมหมายถึงเพียงนางบำเรอชั้นสูงประจำนครใหญ่ ๆ หรือนครหลวง มีหน้าที่ปรนนิบัติและบำเรอชายทั้งที่เป็นแขกเมืองและชาวเมืองให้เป็นที่ชอบใจโดยไม่ประสงค์จะมีลูกสืบสกุล เพราะหญิงประเภทนี้ถือว่าถ้ามีลูกแล้วตนก็ไม่เป็นที่ชอบใจของชายที่จะมาให้บำเรออีก นี้เป็นวัฒนธรรมโบราณของแถบเอเชียตะวันตก มีตัวอย่างในสมัยพุทธกาลคือ นางสาลวดี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การค้ามนุษ์มีโทษสูงสุดคืออะไรในประเทสไทย ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย Article: รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน (พ.ศ. 2560) ซึ่งร่างขึ้นโดย องค์กรซึ่งได้รับแต่งตั้งจากคณะผู้ยึดอำนาจการปกครองขณะนั้น ระบุไว้ในมาตรา 4 ว่า "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง" มาตรา 25 ถึง 49 ได้บรรยายขอบเขตของสิทธิเฉพาะในบางด้าน เช่น ความยุติธรรมทางอาญา การศึกษา การไม่เลือกปฏิบัติ ศาสนา และเสรีภาพในการแสดงออก การก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว โดยจำนวนมาตรา ในเรื่องสิทธิลดลลง 14 มาตรา เมื่อเทียบกับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดสิทธิต่าง ๆ โดยให้อยู่ในหมวด 3 และไม่มีส่วนของสิทธิ ซึ่งแตกต่าง กับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550ที่กำหนดให้มี ส่วนของสิทธิแบ่งเป็น 9 ส่วน บททั่วไป ความเสมอภาค สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล สิทธิในกระบวนการยุติธรรม สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน สิทธิเสรีภาพในการศึกษา สิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขและสวัสดิการจากรัฐ การรับรองโดยรัฐธรรมนูญ มีการริเริ่มสิทธิใหม่ ๆ ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งรวมถึงสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาแบบให้เปล่า สิทธิในชุมชนท้องถิ่น และสิทธิในการต่อต้านโดยสันติซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ สิทธิเด็ก คนชรา ผู้พิการ และความเสมอภาคทางเพศ เสรีภาพของสารสนเทศ สิทธิในสาธารณสุข การศึกษาและสิทธิผู้บริโภคก็ได้รับการรับรองเช่นกัน รวมแล้ว มีสิทธิที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 รับรอง 40 สิทธิ เปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ที่รับรองเพียง 9 สิทธิ[1] การละเมิดสิทธิมนุษยชน ในรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา[2] เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทยเป็นต้นเหตุของการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายกรณี โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนใต้ ในสงครามปราบปรามยาเสพติด ในการจับและจองจำผู้ต้องหา ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังในเรือนจำ และในการจำกัดเสรีภาพการแสดงออก ในบางครั้งเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดอาจถูกจับและลงโทษหรือปลดออก แต่สิทธิการได้รับยกเว้นโทษตามกฎอัยการศึก พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจดทะเบียนลิขสิทธิ์กำหนดอายุผู้ยื่นคำร้องหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ยืมใช้คงรูป Article: อักษรย่อที่ใช้ในบทความนี้ (เรียงตามลำดับอักษรไทย)อักษรย่อคำเต็มฎ.คำพิพากษาศาลฎีกา ()ป.พ.พ.ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ ()ม.มาตราว.วรรคการใช้อักษรย่อในนี้เพื่อมิให้บทความเยิ่นเย้อเท่านั้น แต่โดยปรกติแล้วควรเขียนด้วยคำเต็มไม่ควรย่อ เช่น "ป.พ.พ. ม.123 ว.2" ควรเขียนว่า "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 123 วรรคสอง" มากกว่า ยืมใช้คงรูป (English: loan for use หรือ commodate; French: prêt à usage หรือ commodat) เป็นสัญญายืม (English: loan) ประเภทหนึ่ง ที่บุคคลฝ่ายหนึ่ง เรียก "ผู้ให้ยืม" (English: lender) ให้บุคคลอีกฝ่าย เรียก "ผู้ยืม" (English: borrower) ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว[1] ยืมใช้คงรูปเป็นหนึ่งในสองประเภทของสัญญายืม คู่กับ "ยืมใช้สิ้นเปลือง" (English: loan for consumption) การยืมทั้งหลายเหล่านี้ นับเป็นพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่เคยยืมหรือถูกยืม ไม่ว่าจะเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ดินสอ ปากกา ยางลบ ไปจนถึงของสำคัญต่าง ๆ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่งก็เนื่องจากสมาชิกในสังคมมิได้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน กับทั้งความจำเป็นหลาย ๆ ด้าน อาทิ ในการประกอบธุรกิจที่ต้องการทุนสูงหรือทุนหมุนเวียน และอาจรวมถึงกิเลสตัณหาอยากได้อยากมีจนเกิดสำนวนไทยว่า "กู้หนี้ยืมสิน" การยืมจึงก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ให้ยืมกับผู้ยืม ซึ่งบางทีนำไปสู่ความวิวาทบาดทะเลาะในสังคม ดังนั้น เพื่อความสงบเรียบร้อยของส่วนรวม กฎหมายจึงเข้ามาควบคุมพฤติกรรมในการยืม[2] บทบัญญัติของกฎหมาย องค์ประกอบ คู่สัญญา "อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว"ป.พ.พ. ม.640 "ยืมใช้คงรูป" เป็นสัญญายืมประหนึ่งซึ่งกฎหมายส่วนใหญ่วางนิยามไว้ สำหรับประเทศไทย ป.พ.พ. ม.640 ให้นิยามว่า คือ "...สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว" ด้วยบทบัญญัตินี้ คู่สัญญายืมจึงมีสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเรียก "ผู้ให้ยืม" (English: lender) อีกฝ่ายเรียก "ผู้ยืม"...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจดทะเบียนลิขสิทธิ์มีค่าใช้จ่ายหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สิทธิบัตร Article: สิทธิบัตร (English: patent) หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะตามที่กำหนดในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบว่าด้วยสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบ เพื่อให้ได้สิ่งของ,เครื่องใช้หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การประดิษฐ์รถยนต์, โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ หรือการออกแบบขวดบรรจุน้ำดื่ม, ขวดบรรจุน้ำอัดลม หรือการออกแบบลวดลายบนจานข้าว, ถ้วยกาแฟ ไม่ให้เหมือนของคนอื่น เป็นต้น ประโยชน์ของสิทธิบัตร เอกสารสิทธิบัตรนานาชาติเป็นแหล่งรวมผลงานประดิษฐ์คิดค้นทั่วโลกที่สำคัญที่สุด ได้เปิดวิธีการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทุกชนิดทุกสาขาทั่วโลก สิทธิบัตรคุ้มครองเป็นรายประเทศ จดทะเบียนในประเทศใด ก็คุ้มครองเฉพาะในประเทศนั้น หมายความว่าเราสามารถนำเทคโนโลยีที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทยมาผลิตสินค้าจำหน่ายในประเทศได้ สามารถผลิตหรือส่งออกไปจำหน่ายในประเทศที่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรในเรื่องนั้นๆ หรือนำมาใช้เป็นฐานความรู้ในการวิจัยพัฒนาและต่อยอดได้ ประเภทของสิทธิบัตร รูปแบบหรือประเภทของสิทธิบัตรตาม พ.ร.บ. สิทธิบัตรจะมีอยู่ 3 ประเภท คือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ หมายถึง การคิดค้นเกี่ยวกับ กลไก โครงสร้าง ส่วนประกอบ ของสิ่งของเครื่องใช้ เช่น กลไกของกล้องถ่ายรูป, กลไกของเครื่องยนต์, ยารักษาโรค เป็นต้น หรือการคิดค้นกรรมวิธีในการผลิตสิ่งของ เช่น วิธีการในการผลิตสินค้า, วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้เน่าเสียเร็วเกินไป เป็นต้น สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึง การออกแบบรูปร่าง ลวดลาย หรือสีสัน ที่มองเห็นได้จากภายนอก เช่น การออกแบบแก้วน้ำให้มีรูปร่างเหมือนรองเท้า เป็นต้น อนุสิทธิบัตร (Petty patent) เป็นการให้ความคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์คิดค้น เช่นเดียวกับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ แต่แตกต่างกันตรงที่การประดิษฐ์ที่จะขอรับอนุสิทธิบัตร เป็นการประดิษฐ์ที่มีเป็นการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย และมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้นมาก เงื่อนไขในการขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ /อนุสิทธิบัตร การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ กฎหมายกำหนดว่า จะต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 อย่าง ดังต่อไปนี้ เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ คือ ยังไม่เคยมีจำหน่ายหรือขายมาก่อน หรือยังไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดของสิ่งประดิษฐ์ในเอกสารสิ่งพิมพ์ใดๆ ในโทรทัศน์ หรือในวิทยุ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจดทะเบียนลิขสิทธิ์สามารถขอได้ที่ใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ลิขสิทธิ์ Article: ลิขสิทธิ์</b>เป็นสิทธิทางกฎหมายที่กฎหมายของประเทศหนึ่ง ๆ สร้างขึ้นซึ่งให้สิทธิแต่ผู้เดียว (exclusive rightเพลงของแก่ผู้สร้างสรรค์งานต้นฉบับในการใช้และการขบ บ ซึ่งปกติมีเวลาจำกัด สิทธิแต่ผู้เดียวนี้มิได้เด็ดขาด แต่ถูกจำกัดโดยข้อจำกัดและข้อยกเว้นของกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งรวมถึงการใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ได้กับการนำเสนองานสร้างสรรค์ใด ๆ ลิขสิทธิ์มักแบ่งกันในหมู่ผู้ประพันธ์หลายคน ซึ่งแต่ละคนถือชุดสิทธิในการใช้หรืออนุญาตให้ใช้ (license) งานนั้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้เรียกว่า ผู้ทรงสิทธิ (rightsholder) สิทธิเหล่านี้มักรวมการทำซ้ำ การควบคุมเนืองานดัดแปลง การจำหน่าย การแสดงสาธารณะ และ "สิทธิทางศีลธรรม" เช่น การแสดงที่มา (attribution) ลิขสิทธิ์ถือเป็นสิทธิอาณาเขต หมายความว่า สิทธินี้ไม่ขยายเกินอาณาเขตของเขตอำนาจหนึ่ง ๆ แม้ว่ากฎหมายลิขสิทธิ์ของประเทศต่าง ๆ มีการปรับให้เป็นมาตรฐานผ่านความตกลงลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศก็ตาม แต่กฎหมายลิขสิทธิ์ก็แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ตรงแบบ ระยะเวลาของลิขสิทธิ์ คือ ชีวิตของผู้ประพันธ์บวก 50 ถึง 100 ปี (คือ ลิขสิทธิ์จะหมดอายุ 50 ถึง 100 ปีหลังผู้ประพันธ์เสียชีวิต ขึ้นอยู่กับเขตอำนาจ) บางประเทศต้องมีข้อกำหนดลิขสิทธิ์ (copyright formality) เพื่อสถาปนาลิขสิทธิ์ แต่ประเทศส่วนใหญ่ยอมรับลิขสิทธิ์ในงานเสร็จสมบูรณ์ทุกงานโดยไม่ต้องขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไป ลิขสิทธิ์บังคับแบบกฎหมายแพ่ง แต่บางเขตอำนาจมีการใช้โทษทางอาญาด้วย สนธิสัญญากรุงเบิร์น สนธิสัญญากรุงเบิร์นเป็นสนธิสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ โดยประเทศภาคีสมาชิกในสนธิสัญญานี้ จะมีการคุ้มครองลิขสิทธิ์เสมอเหมือนกัน เสมือนว่าทุกๆ ประเทศสมาชิกเป็นประเทศเดียวกัน เช่น กรณีมีการสร้างสรรค์งานเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา งานชิ้นนั้นก็จะได้รับการคุ้มครองในประเทศไทย ตามกฎหมายไทย ด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยต่างได้ลงนามในสนธิสัญญานี้ ในประเทศไทย การคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามกฎหมายไทยจะกำหนดให้มีอายุการคุ้มครอง 50 ปี นับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ผลงานเสียชีวิต กรณีเจ้าของเป็นนิติบุคคล จะเริ่มนับอายุตั้งแต่ผลงานถูกสร้างขึ้นมานับไปอีก 50 ปี หรือเริ่มนับเมื่อมีการโฆษณาเป็นครั้งแรก แล้วแต่ว่าอย่างไหนจะเกิดทีหลัง แต่การโฆษณาครั้งแรกนั้นจะต้องเกิดขึ้นภายใน 50 ปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจดทะเบียนลิขสิทธิ์เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ลิขสิทธิ์ Article: ลิขสิทธิ์</b>เป็นสิทธิทางกฎหมายที่กฎหมายของประเทศหนึ่ง ๆ สร้างขึ้นซึ่งให้สิทธิแต่ผู้เดียว (exclusive rightเพลงของแก่ผู้สร้างสรรค์งานต้นฉบับในการใช้และการขบ บ ซึ่งปกติมีเวลาจำกัด สิทธิแต่ผู้เดียวนี้มิได้เด็ดขาด แต่ถูกจำกัดโดยข้อจำกัดและข้อยกเว้นของกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งรวมถึงการใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ได้กับการนำเสนองานสร้างสรรค์ใด ๆ ลิขสิทธิ์มักแบ่งกันในหมู่ผู้ประพันธ์หลายคน ซึ่งแต่ละคนถือชุดสิทธิในการใช้หรืออนุญาตให้ใช้ (license) งานนั้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้เรียกว่า ผู้ทรงสิทธิ (rightsholder) สิทธิเหล่านี้มักรวมการทำซ้ำ การควบคุมเนืองานดัดแปลง การจำหน่าย การแสดงสาธารณะ และ "สิทธิทางศีลธรรม" เช่น การแสดงที่มา (attribution) ลิขสิทธิ์ถือเป็นสิทธิอาณาเขต หมายความว่า สิทธินี้ไม่ขยายเกินอาณาเขตของเขตอำนาจหนึ่ง ๆ แม้ว่ากฎหมายลิขสิทธิ์ของประเทศต่าง ๆ มีการปรับให้เป็นมาตรฐานผ่านความตกลงลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศก็ตาม แต่กฎหมายลิขสิทธิ์ก็แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ตรงแบบ ระยะเวลาของลิขสิทธิ์ คือ ชีวิตของผู้ประพันธ์บวก 50 ถึง 100 ปี (คือ ลิขสิทธิ์จะหมดอายุ 50 ถึง 100 ปีหลังผู้ประพันธ์เสียชีวิต ขึ้นอยู่กับเขตอำนาจ) บางประเทศต้องมีข้อกำหนดลิขสิทธิ์ (copyright formality) เพื่อสถาปนาลิขสิทธิ์ แต่ประเทศส่วนใหญ่ยอมรับลิขสิทธิ์ในงานเสร็จสมบูรณ์ทุกงานโดยไม่ต้องขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไป ลิขสิทธิ์บังคับแบบกฎหมายแพ่ง แต่บางเขตอำนาจมีการใช้โทษทางอาญาด้วย สนธิสัญญากรุงเบิร์น สนธิสัญญากรุงเบิร์นเป็นสนธิสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ โดยประเทศภาคีสมาชิกในสนธิสัญญานี้ จะมีการคุ้มครองลิขสิทธิ์เสมอเหมือนกัน เสมือนว่าทุกๆ ประเทศสมาชิกเป็นประเทศเดียวกัน เช่น กรณีมีการสร้างสรรค์งานเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา งานชิ้นนั้นก็จะได้รับการคุ้มครองในประเทศไทย ตามกฎหมายไทย ด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยต่างได้ลงนามในสนธิสัญญานี้ ในประเทศไทย การคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามกฎหมายไทยจะกำหนดให้มีอายุการคุ้มครอง 50 ปี นับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ผลงานเสียชีวิต กรณีเจ้าของเป็นนิติบุคคล จะเริ่มนับอายุตั้งแต่ผลงานถูกสร้างขึ้นมานับไปอีก 50 ปี หรือเริ่มนับเมื่อมีการโฆษณาเป็นครั้งแรก แล้วแต่ว่าอย่างไหนจะเกิดทีหลัง แต่การโฆษณาครั้งแรกนั้นจะต้องเกิดขึ้นภายใน 50 ปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจดทะเบียนลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กฎหมายลิขสิทธิ์ไทย Article: ขอบเขตคุ้มครองงานสร้างสรรค์ เมื่อสร้างสรรค์งานแล้วได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายลิขสิทธิ์ จึงต้องรับรู้สิทธิของผู้เป็นเจ้าของว่ามีขอบเขตคุ้มครองกว้างขวางมากเพียงใด โดยกฎหมายกำหนดสิทธิไว้ดังต่อไปนี้ ทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ เจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำทั้ง 5 ข้อนี้ ผู้ใดที่ทำละเมิดสิทธิของเจ้าของงานซึ่งกฎหมายคุ้มครองไว้ จักต้องรับโทษอาญาและจ่ายค่าเสียหายทางแพ่งแก่ กรมการคุ้มครองสิทธิในงานอันมีลิขสิทธิ์ช่วยส่งเสริมให้คนไทยมีกำลังใจในการสร้างสรรค์งานใหม่ มิใช่การคัดลอก ดัดแปลง งานของผู้อื่น กฎหมายจึงกำหนดบทลงโทษหนักและค่าปรับที่สูงมาก ซึ่งไม่คุ้มกับการเสียเวลาคัดลอกงานแล้วอ้างเป็นฝีมือของตน นอกจากนั้นยังเสียโอกาสในการแสดงฝีมือสร้างสรรค์งานของตัวเองไป การเป็นแค่เงาดำจักต้องอยู่ข้างหลังตัวตนแท้จริงเสมอ ถ้ามีฝีมือเก่งจริง ต้องก้าวออกจากเงามืดแล้วปรากฏกายแสดงพลังแท้จริงให้ประจักษ์แก่สายตาของผู้อื่นเพื่อชื่นชมผลงานของตน ลิขสิทธิ์ของลูกจ้าง ตามหลักกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นผู้สร้างสรรค์งานจะเป็นเจ้าของชิ้นงานทันทีที่สร้างมัน บางกรณีอาจมีข้อสงสัยว่า ถ้าเจ้านายสั่งให้พนักงานสร้างงานขึ้น เช่น บรรณาธิการให้ลูกน้องเขียนบทความใส่หนังสือของตนเอง ใครจะเป็นเจ้าของงานเขียนชิ้นนั้น เป็นต้น กฎหมายกำหนดไว้ว่า งานที่สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธิ์นำงานนั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์ของการจ้างแรงงาน ดังนั้น ถ้ามิได้ตกลงกันไว้แตกต่างจากกฎหมายและต้องทำเป็นหนังสือชัดเจน ลูกจ้างซึ่งเขียนบทความย่อมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่บรรณาธิการมีสิทธิ์นำงานเขียนนั้นไปใช้ในกิจการของตนซึ่งผู้เขียนเป็นลูกจ้างอยู่ได้ ด้วยหลักกฎหมายลิขสิทธิ์ด้านความเป็นเจ้าของชิ้นงานของลูกจ้าง จึงทำให้นายจ้างบางคนทำข้อตกลงระหว่างตนกับลูกจ้างไว้ว่า ถ้าผลิตชิ้นงานในขณะเป็นลูกจ้าง นายจ้างจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจราจร คืออะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การสยบการจราจร Article: การสยบการจราจร (English: traffic calming) เป็นมาตรการหนึ่ง ซึ่งสามารถช่วยลดจำนวนและความรุนแรงของอุบัติเหตุจราจรและช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการอยู่อาศัย การทำงาน และการมาเยี่ยมเยือน โดยเป็นการลดผลกระทบทางลบจากการใช้รถยนต์ที่มีต่อผู้ใช้ถนนอื่นๆ เช่น คนเดินเท้า คนใช้จักรยาน ผู้พิการ และผู้ที่มีที่พักอาศัยและที่ทำงานอยู่ริมถนน การสยบการจราจรมีวัตถุประสงค์หลักอยู่สองข้อคือ ลดจำนวนและความรุนแรงของอุบัติเหตุจราจร ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ให้เหมาะสมกับการพักอาศัย การทำงาน และการมาเยี่ยมเยียน หมวดหมู่:อุปกรณ์ประดับถนน หมวดหมู่:การขนส่ง
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจราจร และ การจราจล เหมือนกันหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 Article: วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 เป็นวิกฤตการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 ถึงพฤษภาคม 2557 จัดระเบียบโดย กปปส. กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองซึ่งจัดและมีสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้นำ การประท้วงนี้ลงเอยด้วยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง รัฐประหารและการสถาปนาคณะทหารผู้ยึดอำนาจการปกครอง เป้าหมายหลักของการประท้วง คือ การขจัดอิทธิพลของอดีตนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ในการเมืองไทย และการตั้ง "สภาประชาชน" ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อดูแลการปฏิรูประบบการเมือง[8] ผู้ประท้วงมองว่า พันตำรวจโททักษิณทุจริตอย่างมากและทำให้ประชาธิปไตยของประเทศไทยเสียหาย[9][10] แม้เขาได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือ เนื่องจากโครงการสังคมปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจของเขา พรรคการเมืองซึ่งเป็นพันธมิตรของพันตำรวจโททักษิณชนะการเลือกตั้งทุกครั้งตั้งแต่ปี 2544 นักวิเคราะห์และนักวิจารณ์ยังมองว่าประเด็นอื่น เช่น การสืบราชสันตติวงศ์[11][12][13] ความแตกแยกเมือง-ชนบทหรือเหนือ-ใต้[14][15] ความเหลื่อมล้ำทางสังคม[16] ระบบข้าราชการประจำที่รวมศูนย์เกินไป[17][18] อิทธิพลของพระมหากษัตริย์และทหารในการเมือง[19][20][21][22] และสถานภาพชนชั้นกลาง[23][24] เป็นปัจจัยเบื้องหลังวิกฤตการณ์นี้ การประท้วงมีสาเหตุจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้เสนอ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ โดยเสนอในเดือนสิงหาคม 2556[25]รัฐบาลอ้างว่าจะนิรโทษเฉพาะผู้ชุมนุม และในวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ฝ่ายรัฐบาลตอบโต้การชุมนุมครั้งนี้ด้วยการออก พระราชบัญญัติ ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ถึง 8 สิงหาคม 2556[26]ต่อมา ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ได้แปรญัตติ[27]ซึ่งจะนิรโทษกรรมความผิดของทุกฝ่ายย้อนหลังไปถึงปี 2547 โดยถูกหลายฝ่ายคัดค้าน ฝ่ายหนึ่งมีสุเทพ เทือกสุบรรณและพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้นำ และอีกฝ่ายหนึ่งคือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และคนเสื้อแดงบางส่วน ครั้นวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 วุฒิสภาลงมติเป็นเอกฉันท์ไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ทว่า การชุมนุมซึ่งนำโดยสุเทพยังคงดำเนินต่อไป โดยเปลี่ยนเงื่อนไขเป็นการต่อต้านรัฐบาลแทน ฝ่ายรัฐบาลตอบโต้การชุมนุมครั้งนี้ด้วยการออก...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจลาจลคืออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การจลาจล Article: การจลาจล เป็นรูปแบบหนึ่งของการก่อความไม่สงบต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทรัพย์สินหรือประชาชน ซึ่งมีลักษณะเป็นการปรากฏตัวออกมาทันใดของกลุ่มคนที่ไม่มีการจัดระเบียบและหุนหันพลันแล่นที่จะใช้ความรุนแรง ถึงแม้ว่าอาจมีคนหรือกลุ่มคนพยายามที่จะนำหรือควบคุมการจลาจล แต่ส่วนใหญ่แล้วการจลาจลมักไร้ระเบียบเป็นธรรมดาและแสดงพฤติกรรมฝูง การจลาจลมักเกิดขึ้นเป็นปฏิกิรยาจากการได้รับความเดือดร้อนหรือการแสดงความไม่เห็นด้วย ในประวัติศาสตร์ การจลาจลเกิดขึ้นเนื่องจากได้รับค่าแรงต่ำหรือคุณภาพชีวิต รัฐบาล การกดขี่ ภาษีหรือการเกณฑ์ทหาร ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเชื้อชาติ การขาดแคลนอาหารหรือความขัดแย้งทางศาสนา ผลจากการแข่งขันกีฬาหรือความไม่พอใจกับช่องทางของกฎหมายผ่านการแสดงความคับข้องใจ การจลาจลมักเกี่ยวข้องกับการทำลายทรัพย์สินของรัฐหรือเอกชน ทรัพย์สินที่ตกเป็นเป้าหมายโดยเฉพาะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุของการจลาจลและการโน้มเอียงทางความคิด เป้าหมายสามารถรวมไปถึงร้านค้า รถยนต์ ร้านอาหาร สถาบันของรัฐหรือสิ่งก่อสร้างทางศาสนา ผู้ก่อการจลาจลจำนวนหนึ่งค่อนข้างมีความชำนาญในการทำความเข้าใจและการสกัดยุทธวิธีที่ตำรวจใช้ในสถานการณ์จลาจล คู่มือสำหรับการจลาจลให้ประสบความสำเร็จสามารถเข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ต คู่มือเหล่านี้ยังกระตุ้นให้ผู้ก่อการจลาจลนำสื่อเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากพบว่าการมีกล้องไปด้วยจะมีความปลอดภัยและได้รับความสนใจมากกว่า พลเมืองที่มีกล้องวิดีโอยังสามารถมีผลกระทบต่อทั้งผู้ก่อการจลาจลและตำรวจได้ การรับมือกับการจลาจลมักจะเป็นงานยากของกรมตำรวจบ่อยครั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกส่งตัวไปรับมือกับการจลาจลมักจะถือโล่ยุทธวิธีและลูกซองปราบจลาจล ส่วนใหญ่เนื่องมาจากการกระจายที่กว้างกว่าของล้ากล้องสั้น ตำรวจยังอาจใช้แก๊สน้ำตาหรือแก๊สซีเอสเพื่อหยุดผู้ก่อการจลาจล ตำรวจปราบจลาจลส่วนใหญ่ใช้วิธีอาวุธไม่ร้ายแรงในการควบคุมฝูงชน อย่างเช่น ปืนลูกซองที่ยิงกระสุนยางและกระสุนถุงตะกั่วเพื่อทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือทำให้ผู้ก่อการจลาจลง่ายต่อการจับกุม การรับมือ ตำรวจมักจะเป็นผู้รับผิดชอบการรับมือกับการจลาจล (การควบคุมฝูงชน) ถึงแม้ว่าวิธีการควบคุมฝูงชนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ยุทธวิธีและอาวุธที่ใช้สามารถรวมไปถึงสุนัขจู่โจม ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง กระสุนพลาสติก กระสุนยาง สเปรย์พริกไทย กระสุนถุงตะกั่ว และยุทธวิธีสแนทช์สควอด...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจะเชื่อมต่อไวไฟทุกครั้งเราต้องทราบพาสเวิดใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สายอากาศ Article: สายอากาศ (English: Antenna) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือในทางกลับกัน[1] ปกติสายอากาศจะถูกใช้กับเครื่องส่งและเครื่องรับวิทยุ. ในการส่ง เครื่องส่งวิทยุจะป้อนคลื่นกระแสไฟฟ้าที่ความถี่วิทยุ (หรือไฟฟ้ากระแสสลับ(AC)ความถี่สูง) ไปยังขั้วไฟฟ้าทั้งสองของสายอากาศ จากนั้นสายอากาศจะแผ่รังสีพลังงานจากกระแสในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (คลื่นวิทยุ). ในการรับ สายอากาศจะดักจับพลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อที่จะสร้างแรงดันไฟฟ้าขนาดเล็กที่ขั้วไฟฟ้าของมัน แรงดันไฟฟ้านี้จะถูกส่งต่อไปให้เครื่องรับเพื่อทำการขยายสัญญาณต่อไป สายอากาศเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญของอุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้วืทยุ ได้แก่สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ วิทยุสองทาง เครื่องรับสื่อสาร เรดาร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และการสื่อสารดาวเทียม นอกจากนี้ มันยังใช้กับอุปกรณ์เช่นประตูโรงรถอัตโนมัติ ไมโครโฟนไร้สาย บลูทูธ แลนไร้สาย เครื่องเฝ้าดูทารก ฉลาก RFID และของเล่นวิทยุบังคับต่าง ๆ โดยทั่วไปสายอากาศจะประกอบด้วยโครงสร้างของตัวนำโลหะที่เรียกว่าอีลิเมนท์ขับ (English: driven element) ที่ต่อทางไฟฟ้า(มักจะผ่านทางสายส่ง)เข้ากับเครื่องส่งหรือเครื่องรับ เครื่องส่งจะบังคับให้กระแสไฟฟ้าที่เป็นคลื่นของอิเล็กตรอนไหลผ่านสายอากาศ กระแสไฟฟ้าดังกล่าวจะสร้างสนามไฟฟ้าที่เป็นคลื่นไปตามอีลิเมนท์นั้น สนามพลังที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาเหล่านี้จะถูกแผ่กระจายออกไปจากสายอากาศเข้าสู่อากาศในรูปของคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเคลื่อนที่ตามขวาง ทางด้านรับ คลื่นเหล่านี้เข้ามารวมกันที่สายอากาศ สนามแม่เหล็กและไฟฟ้าที่เป็นคลื่นจะสร้างแรงขึ้นบนอิเล็กตรอนในอีลิเมนท์ของสายอากาศ ทำให้พวกอิเล็กตรอนต้องเคลื่อนที่กลับไปกลับมา เป็นการสร้างกระแสที่เป็นคลื่นในสายอากาศ สายอากาศสามารถออกแบบให้ส่งหรือรับคลื่นวิทยุได้ในทุกทิศทางแนวราบเท่าๆกันที่เรียกว่าสายอากาศทุกทิศทาง (English: Omnidirectional antenna), หรือชอบที่จะให้รับและส่งได้ในทิศทางเฉพาะที่เรียกว่าสายอากาศเฉพาะทิศทาง (English: Directional antenna) หรือสายอากาศเกนสูง (English: High gain antenna) สำหรับสายอากาศเกนสูง มันอาจต้องมีอีลิเมนท์หรือตัวประกอบอื่นเพิ่มเติมที่ไม่มีการต่อถึงกันทางไฟฟ้าเข้ากับเครื่องส่งหรือเครื่องรับแต่อย่างใด อุปกรณ์ดังกล่าวได่แก่ อีลิเมนท์กาฝาก (English: parasitic elements), แผงสะท้อนคลื่นแบบโค้ง...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจะเป็นเภสัชกรได้นั้น จะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปจากคณะเภสัชศาสตร์ใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เภสัชกร Article: เภสัชกร (English: pharmacist) คือผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านสาธารณสุข (health profession) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านยามากที่สุดในสาขาวิชาชีพด้านสุขภาพ ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพรหรือยาแผนโบราณ เนื่องจากสาขาวิชาชีพเภสัชกรรมนั้นมีความหลากหลาย จึงทำให้หน้าที่ของเภสัชกรจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละสายงาน ถ้าเป็นสายงานที่เกี่ยวข้องกับการบริบาลผู้ป่วย เช่น เภสัชกรโรงพยาบาล อาจมีหน้าที่หลักเช่นการจ่ายยาให้ผู้ป่วย การแนะนำการใช้ยา ติดตามการใช้ยาให้ผู้ป่วย แต่หากเป็นเภสัชกรที่เกี่ยวข้องกับสายงานด้านเทคโนโลยีเภสัชกรรม การทำงานอาจเป็นการควบคุมและดูแลกระบวนการในการผลิตยา คุณสมบัติของเภสัชกร การจะเป็นเภสัชกรได้นั้น จะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปจากคณะเภสัชศาสตร์ และจะเป็นเภสัชกรได้โดยสมบูรณ์เมื่อสอบผ่านการสอบวัดผลรวบยอดของวิชาชีพสัชกรรมและได้ใบประกอบโรคศิลป์ แต่ทั้งนี้ ในบางสายงานอาจไม่บังคับใช้ใบประกอบโรคศิลป์สำหรับเป็นคุณสมบัติในการรับเข้าทำงาน นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นเภสัชกรควรมีคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น มีสุขภาพกายที่ดี ไม่พิการ ไม่ตาบอดสี ไม่เป็นโรคร้าย มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีบุคลิกภาพดี สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับสหวิชาชีพได้ มีความรับผิดชอบในงานที่ทำ มีความละเอียดรอบคอบ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับด้านเภสัชกรรมเข้ากับงานที่ทำได้ หมั่นศึกษาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา เนื่องจากความรู้ในด้านการรักษาโรคและด้านยานั้นมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สามารถสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและนำความรู้ที่มีไปใช้ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านยาและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับด้านเภสัชกรรม ความต้องการขั้นพื้นฐานสำหรับการขึ้นทะเบียน (Registration) เป็นเภสัชกรรับอนุญาตจะต้องเป็น ผู้ที่เรียนจบจากคณะเภสัชศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งจะได้รับปริญญาดังนี้ เภสัชศาสตรบัณฑิต (ภ.บ.) (Bachelor of Pharmacy: B.Pharm.) ปัจจุบันประเทศไทยได้ยกเลิกหลักสูตร B.Pharm แล้ว เภสัชศาสตรบัณฑิต (ภ.บ.) (บริบาลเภสัชกรรม หรือ เภสัชศาสตร์ หรือ สาขาวิทยาการทางเภสัชศาสตร์) (Doctor of Pharmacy: Pharm.D.) ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาแตกต่างกันในแต่ละประเทศดังนี้ ประเทศไทย ใช้เวลาเรียน 6 ปี ได้วุฒิเภสัชศาสตรบัณฑิต (ภ.บ.) (Doctor of Pharmacy: Pharm.D.) สหภาพยุโรป (European Union) รวมถึงสหราชอาณาจักร เดิมเรียน 4 ปีได้...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจัดเส้นทางแบบหัวหอมได้พัฒนาขึ้นในเมื่อใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การจัดเส้นทางแบบหัวหอม Article: การจัดเส้นทางแบบหัวหอม[3] (English: onion routing) เป็นเทคนิคการสื่อสารแบบนิรนามผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ในเครือข่ายหัวหอม ข้อความจะเข้ารหัสลับเป็นชั้น ๆ จึงอุปมาเหมือนกับชั้นหัวหอม ข้อมูลที่เข้ารหัสจะส่งผ่านโหนด/สถานีรีเลย์ในเครือข่ายที่เรียกว่า เราเตอร์หัวหอม (onion router) โดยแต่ละสถานีจะ "ปอก" ชั้นหนึ่งออกเพื่อเปิดเอาข้อมูลที่จะส่งต่อไป เมื่อชั้นสุดท้ายได้ถอดรหัสแล้ว ข้อความเดิมก็จะส่งไปยังระบบเป้าหมายจริง ๆ ผู้ส่งได้สภาวะนิรนามก็เพราะสถานีในระหว่าง ๆ จะรู้ที่อยู่/ตำแหน่งของโหนดก่อนหน้าและโหนดที่ส่งต่อไปเท่านั้น[4] โดยไม่มีสถานีไหน ๆ ที่รู้ที่อยู่ของทั้งระบบต้นสายและระบบปลายทางทั้งสอง แม้ระบบปลายทางเองก็รู้เพียงแต่ที่อยู่ของสถานีสุดท้ายในเครือข่ายเท่านั้น แต่ก็มีวิธีที่สามารถทำลายสภาวะนิรนามของเทคนิคเช่นนี้ได้ เช่น การวิเคราะห์เวลา ถ้าสามารถดักฟังข้อมูลทั้งขาเข้าขาออกจากเครือข่ายได้[5] พัฒนาการและการทำให้เกิดผล การจัดเส้นทางแบบหัวหอมได้พัฒนาขึ้นในกลางคริสต์ทศวรรษ 1990 ณ แล็บวิจัยกองทัพเรือสหรัฐโดยเจ้าหน้าที่คือ Paul Syverson, Michael G. Reed, และ David Goldschlag[6][7] เพื่อป้องกันการสื่อสารราชการลับของสหรัฐออนไลน์[8] แล้วต่อมาจึงพัฒนายิ่งขึ้นโดยสำนักงานโปรเจ็กต์งานวิจัยก้าวหน้ากระทรวงกลาโหม (DARPA) แล้วจดสิทธิบัตรโดยกองทัพเรือในปี 1998[7][9][10] ต่อมาในปี 2002 นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ รอเจอร์ ดิงเกิลไดน์ (Roger Dingledine) และนิก แม็ทธิวสัน (Nick Mathewson) จึงร่วมมือกับ Syverson เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์การจัดเส้นทางแบบหัวหอมในรูปแบบที่รู้จักกันดีที่สุด คือ ทอร์ (Tor) ซึ่งในเวลานั้นเรียกว่า The Onion Routing project หรือ TOR project (โปรเจ็กต์ทอร์) แล้วต่อมาในปี 2004 จึงได้ตีพิมพ์เอกสารการออกแบบของทอร์รุ่นสองในงานประชุม USENIX Security ครั้งที่ 13[2] ซึ่งกลายเป็นมูลฐานของการทำให้เกิดผลต่อมา หลังจากที่แล็บวิจัยกองทัพเรือสหรัฐได้อนุญาตให้ใช้รหัสคำสั่งของทอร์ตามสัญญาเสรี[8][11][12] ดิงเกิลไดน์ แม็ทธิวสัน และบุคลากรอื่น ๆ อีก 5 ท่านก็ได้จัดตั้งโปรเจ็กต์ทอร์เป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรในปี 2006 โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากมูลนิธิชายแดนอิเล็กทรอนิก (EFF) และองค์กรอื่น ๆ[13][14] การดำเนินงาน ให้สังเกตว่า การจัดเส้นทางแบบหัวหอมเป็นโพรโทคอลที่ดำเนินการและพัฒนาการขึ้นเรื่อย ๆ โดยโปรเจ็กต์ทอร์เป็นหลัก...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจำพรรษามีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: วันเข้าพรรษา Article: วันเข้าพรรษา (Pali: วสฺส, Sanskrit: วรฺษ, English: Vassa, เขมร: វស្សា, พม่า: ဝါဆို) เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่งที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือนตามที่พระวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือภาษาปากว่า จำพรรษา ("พรรษา" แปลว่า ฤดูฝน, "จำ" แปลว่า พักอยู่) การเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง พระสงฆ์จะไม่จำพรรษาไม่ได้ เนื่องจากรูปใดไม่จำพรรษาถือว่าต้องอาบัติทุกกฏตามพระวินัย[1] การเข้าพรรษาตามปกติเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8) หรือเทศกาลหวังหวังหวังเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางศาสนาพุทธที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย ในวันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากวันสำคัญอื่น ๆ คือ มีการถวายหลอดไฟหรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน (ผ้าวัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อสำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้สำหรับการอยู่จำพรรษา โดยในอดีต ชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่ออายุครบบวช (20 ปี)...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจำแนก เหตุผลวิบัติเชิงสาระ นี้ใช้พื้นฐานจากงานเขียนเกี่ยวกับตรรกศาสตร์อะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เหตุผลวิบัติ Article: เหตุผลวิบัติ [1] (English: fallacy) หมายถึง การพิสูจน์โดยการอ้างเหตุผลที่มีน้ำหนักอ่อนเพื่อสนับสนุนในข้อสรุป การให้เหตุผลวิบัติมีความแตกต่างจากการให้เหตุผลแบบอื่น ๆ เนื่องจากหลายคนมักจะพบว่าการให้เหตุผลนั้นมีความน่าเชื่อถือในทางจิตวิทยา ซึ่งจะส่งผลให้คนจำนวนมากเกิดความเข้าใจผิดและยกเหตุผลอย่างผิด ๆ โดยใช้เป็นเหตุผลที่จะเชื่อในข้อสรุปนั้น การให้เหตุผลอาจจะกลายเป็น "เหตุผลวิบัติ" ได้ แม้ว่าข้อสรุปนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม เหตุผลวิบัติสามารถจำแนกออกได้ในหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น เหตุผลวิบัติอย่างเป็นทางการ เกิดจากหลักตรรกะที่ไม่ถูกต้อง เหตุผลวิบัติอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาว่าผิดตามหลักตรรกะ และเหตุผลวิบัติเกี่ยวกับถ้อยคำ ซึ่งเกิดจากการใช้ภาษาชักนำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น การพูดกำกวม หรือการพูดมากโดยไม่จำเป็น เหตุผลวิบัติมักจะมีความเกี่ยวข้องกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา อันเนื่องมาจากเหตุผลที่ไม่เป็นไปตามหลักตรรกะอย่างถูกต้อง และเหตุผลวิบัติยังเกี่ยวข้องกับการสันนิษฐานด้วย เหตุผลวิบัติมักจะดูเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม การยกเหตุผลมักจะมีลักษณะรูปแบบการเล่นสำนวนเพื่อให้เกิดความเคลือบแคลงในการยกเหตุผลในทางตรรกะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม จะทำให้เหตุผลวิบัติยากที่จะสามารถตรวจจับได้ และส่วนประกอบของเหตุผลวิบัตินั้นก็อาจแพร่ขยายได้อีกเป็นเวลานาน คำว่า เหตุผลวิบัติ อาจมีการเรียกในชื่ออื่น ๆ อีกเช่น เหตุผลลวง, ทุตรรกบท, ตรรกะวิบัติ, ปฤจฉวาที, มิจฉาทิฐิ, ความผิดพลาดเชิงตรรกะ, การอ้างเหตุผลบกพร่อง เป็นต้น เหตุผลวิบัติเชิงสาระ การจำแนก เหตุผลวิบัติเชิงสาระ นี้ใช้พื้นฐานจากงานเขียนเกี่ยวกับตรรกศาสตร์ ออร์กานอน (Organon) ในส่วน โซฟิสติคัลเรฟิวเทชันส์ (Sophistical Refutations) ของอาริสโตเติล การละทิ้งข้อยกเว้น การละทิ้งข้อยกเว้น (English: accident; Latin: a dicto simpliciter ad dictum secundum quid) คือการวางนัยทั่วไปโดยไม่คำนึงถึงข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่น การกล่าวอ้าง: การใช้ปืนยิงบุคคลคืออาชญากรรม ตำรวจใช้ปืนยิงโจรผู้ร้าย ดังนั้นตำรวจก็เป็นอาชญากร ปัญหาที่เกิด: การใช้ปืนยิงบุคคลไม่ใช่อาชญากรรมในสถานการณ์จำเพาะ เช่น สถานการณ์ป้องกันตัว หรือคุ้มครองผู้ที่ร้องขอการคุ้มครองตามกฎหมาย การกล่าวอ้าง: การบุกรุกเข้าบ้านของคนอื่นนั้นผิดกฎหมาย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจำแนกไทรโลไบต์อย่างเป็นระบบจำนวนกี่ลำดับ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: มหายุคพาลีโอโซอิก Article: มหายุคพาลีโอโซอิก (English: Paleozoic Era; จากภาษากรีก palaio (παλαιο), "เก่าแก่" และ zoe (ζωη), "ชีวิต", หมายถึง "ชีวิตโบราณ")) เป็นมหายุคแรกสุดจาก 3 มหายุคในบรมยุคฟาเนอโรโซอิก ซึ่งเป็นยุคทางธรณีกาลของโลก ช่วงเวลาของมหายุคพาลีโอโซอิกอยู่ในช่วง 542-251 ล้านปีมาแล้ว และแบ่งย่อยออกเป็นหกยุคเรียงตามลำดับเก่า-ใหม่ ได้แก่ ยุคแคมเบรียน ยุคออร์โดวิเชียน ยุคไซลูเรียน ยุคดีโวเนียน ยุคคาร์บอนิเฟอรัส และ ยุคเพอร์เมียน ชีวิตในมหายุคพาลีโอโซอิก มหายุคพาลีโอโซอิกครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ช่วงที่มีการปรากฏตัวเป็นจำนวนมากของซากดึกดำบรรพ์เปลือกอ่อนนุ่ม จนถึงช่วงเวลาที่ทวีปรวมตัวเป็นทวีปขนาดใหญ่ ซึ่งสัมพันธ์กับช่วงที่มีการพัฒนาขึ้นของสัตว์เลื้อยคลานและพืชสมัยใหม่ ช่วงเริ่มต้นของมหายุคเริ่มตั้งแต่มีการกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมากของสิ่งมีชีวิตจำพวกไตรโลไบต์และ Archeocyathid ส่วนช่วงปลายมหายุคเกิดในช่วง 300 ล้านปีถัดจากช่วงเริ่มมหายุค เป็นช่วงที่มีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ซึ่งรู้จักกันในชื่อการสูญพันธุ์เพอร์เมียน การเรียนการสอนสมัยใหม่กำหนดให้ช่วงปลายมหายุคคือช่วงที่มีการปรากฏตัวครั้งแรกของรอยซากดึกดำบรรพ์ (trace fossil) ที่มีลักษณะเฉพาะ เรียกว่า Trichophycus pedum ธรณีแปรสัณฐาน ทางธรณีวิทยา, มหายุคพาลีโอโซอิกเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากการแยกของมหาทวีปที่ชื่อว่า แพนโนเทีย (Pannotia) และสิ้นสุดยุคน้ำแข็งของโลก ตลอดช่วงต้นมหายุคพาลีโอโซอิก แผ่นดินของโลกแยกออกเป็นทวีปเล็ก ๆ หลายทวีป จนกระทั่งสิ้นสุดมหายุค ทวีปต่าง ๆ เคลื่อนมารวมกันจนเป็นมหาทวีปที่มีชื่อว่าแพนเจีย ซึ่งประกอบด้วยพื้นดินส่วนใหญ่ของโลก ดูเพิ่ม ธรณีกาล อ้างอิงและหนังสืออ่านเพิ่มเติม British Palaeozoic Fossils, 1975, The Natural History Museum, London. Unknown parameter |dateformat= ignored (help); Check date values in: |accessdate= (help) Preceded by the Proterozoic EonPhanerozoic EonPaleozoic EraMesozoic EraCenozoic EraCambrianOrdovicianSilurianDevonianCarboniferousPermianTriassicJurassicCretaceousPaleogeneNeogene4ry หมวดหมู่:ธรณีประวัติของโลก หมวดหมู่:ธรณีกาล
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การจำแนกไทรโลไบต์อย่างเป็นระบบจำนวนกี่ลำดับ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ไทรโลไบต์ Article: ไทรโลไบต์ (English: Trilobite; สามพู) เป็นสัตว์ทะเลที่มีรยางค์เป็นข้อปล้องในไฟลัมอาร์โธรโพดา ในชั้น “ไทรโลไบตา” เริ่มปรากฏครั้งแรกในยุคแคมเบรียนตอนต้นและชุกชุมในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้นก่อนที่จะเริ่มต้นลดจำนวนลงและสูญพันธุ์ไปในที่สุด โดยระหว่างช่วงเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในช่วงยุคดีโวเนียนตอนปลายไทรโลไบต์ทุกอันดับได้สูญพันธุ์ไปยกเว้นแต่เพียงอันดับพรีเอตทิดา และไทรโลไบต์ก็ได้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปทั้งหมดเมื่อสิ้นยุคเพอร์เมียนประมาณ 250 ล้านปีมาแล้ว ไทรโลไบต์เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางและอาจจะเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับสองรองจากไดโนเสาร์ เมื่อไทรโลไบต์ได้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงต้นของยุคแคมเบรียนก็เกิดการแตกแขนงเผ่าพันธุ์อย่างรวดเร็วและแผ่ขยายแพร่พันธุ์ไปกว้างขวาง เนื่องด้วยความหลากหลายในสายพันธุ์และมีเปลือกกระดองที่ง่ายต่อการกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์จึงได้พบเป็นซากดึกดำบรรพ์ได้มากกว่า 17,000 ชนิดในช่วงตลอดมหายุคพาลีโอโซอิก ไทรโลไบต์มีความสำคัญในการวิจัยทางด้านการลำดับชั้นหินทางชีวภาพ บรรพชีวินวิทยา และเพลทเทคโทนิก ไทรโลไบต์ถูกจัดให้อยู่ในไฟลัมอาร์โธรโพดา ไฟลัมย่อยชีสโซราเมีย อยู่ในเหนือชั้นอะราชโนมอร์ฟา (เทียบเคียงได้กับ อะราชนาต้า) แต่ก็พบว่ามีผู้จัดจำแนกที่แตกต่างไปจากนี้ ไทรโลไบต์ต่างชนิดกันก็มีรูปแบบการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันไป บางกลุ่มก็อาศัยอยู่ตามพื้นท้องทะเล อาจเป็นนักล่า กินของเน่า หรือดูดกรองอาหารจากน้ำทะเล บางกลุ่มก็ดำรงชีวิตด้วยการว่ายน้ำและกินแพลงตอนเป็นอาหาร การดำรงชีวิตทั้งหลายก็จะคล้ายกับสัตว์ทะเลปัจจุบันที่อยู่ในไฟลั่มนี้ทั้งหลายยกเว้นไม่เป็นพวกพาราสิต ไทรโลไบต์บางกลุ่ม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อยู่ในวงศ์โอลีนิดา) ถูกเข้าใจว่าได้วิวัฒนาการมีความสัมพันธ์แบบซิมไบโอติกกับแบคทีเรียที่กินกำมะถันจากอาหารที่ตนได้รับมา ประวัติวิวัฒนาการ ด้วยการที่มีการค้นพบไทรโลไบต์เป็นซากดึกดำบรรพ์จำนวนมากมายจากทั่วโลกนับเป็นพันๆสกุลนั้น ทำให้อนุกรมวิธานและประวัติวิวัฒนาการของไทรโลไบต์มีความไม่ค่อยแน่นอนเป็นอย่างมาก การจำแนกไทรโลไบต์อย่างเป็นระบบจำนวน 9 อันดับยังมีทัศนะที่แตกต่างกันไปอย่างกว้างขวางที่ช่วยไม่ได้ที่ว่าอาจจำเป็นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแต่งเติมข้อมูลกันอีกต่อไป ยกเว้นสมาชิกในอันดับฟาคอพปิดาที่สมาชิกไทรโลไบต์ทั้งหลายปรากฏขึ้นก่อนสิ้นยุคแคมเบรียน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การชันสูตรพลิกศพจะทำในกรณีใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การชันสูตรพลิกศพ Article: การชันสูตรพลิกศพ (English: Autopsy) คือการตรวจพิสูจน์เพื่อดูสภาพศพแต่เพียงภายนอก ค้นหาสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตายว่าผู้ตายคือใคร ตายเมื่อใด ถ้าตายโดยคนทำร้าย สงสัยว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดที่ทำให้เกิดการตายตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 129 ความว่า "ให้ทำการสอบสวนรวมทั้งการชันสูตรพลิกศพในกรณีที่ความตายเป็นผลแห่งการกระทำผิดอาญาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ ถ้าการชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จ ห้ามมิให้ฟ้องผู้ต้องหายังศาล"[1] ซึ่งตามกฎหมายมีความมุ่งหมายให้แพทย์และพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบในสถานที่พบศพ ยกเว้นแต่ว่าการชันสูตรพลิกศพ เพื่อตรวจดูสภาพศพในสถานที่เกิดเหตุนั้น อาจเป็นเหตุทำให้การจราจรติดขัดมาก อาจกลายเป็นสถานที่อุดจาตาจากสภาพศพ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนทั่วไป แพทย์และพนักงานสอบสวนย่อมมีสิทธิ์ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายศพ เพื่อนำไปทำการชันสูตรพลิกศพยังสถานที่อื่นที่เหมาะสมได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 148 ความว่า "เมื่อปรากฏแน่ชัดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดตายโดยผิดธรรมชาติ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานให้มีการชันสูตรพลิกศพ เว้นแต่ตายโดยการประหารชีวิตตามกฎหมาย"[2] อาจเห็นได้ว่าสภาพการจราจรในปัจจุบันก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางด้านจราจรเป็นจำนวนมาก เกือบทุกรายที่ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายศพจากสถานที่เกิดเหตุเพื่อไปทำการชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบสาเหตุการตายในสถานที่อื่นเช่น สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งก็มักจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผ่าศพนั่นเอง ประวัติ การชันสูตรพลิกศพในประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากนัก เท่าที่ปรากฏหลักฐานที่สามารถสืบค้นและตรวจสอบได้ในประเทศไทย สามารถเรียงลำดับตามเหตุการณ์ตามประวัติของการชันสูตรพลิกศพ โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อปี ร.ศ.116 หรือ พ.ศ. 2440 ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ร.ศ.116 มาตรา 47 ข้อ 1 ซึ่งมีข้อความว่า "ถ้าผู้ถูกกระทำร้ายจะทำการชันสูตรบาดแผลของตน เพื่อเป็นหลักฐานในทางความก็ตามหรือพรรคพวกผู้ตาย จะขอให้ชันสูตรศพเพื่อเป็นหลักฐานในเหตุความตายนั้นก็ตาม ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอ ที่จะทำการชันสูตรตามวิธีที่บังคับไว้ในกฎหมาย ถ้าการชันสูตรนั้นจะมาทำยังที่ว่าการอำเภอไม่ได้ กรมการอำเภอ ก็ต้องไปชันสูตรให้ถึงที่" ต่อมาภายหลังปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การชันสูตรพลิกศพจะทำได้ในกรณีใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การชันสูตรพลิกศพ Article: การชันสูตรพลิกศพ (English: Autopsy) คือการตรวจพิสูจน์เพื่อดูสภาพศพแต่เพียงภายนอก ค้นหาสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตายว่าผู้ตายคือใคร ตายเมื่อใด ถ้าตายโดยคนทำร้าย สงสัยว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดที่ทำให้เกิดการตายตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 129 ความว่า "ให้ทำการสอบสวนรวมทั้งการชันสูตรพลิกศพในกรณีที่ความตายเป็นผลแห่งการกระทำผิดอาญาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ ถ้าการชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จ ห้ามมิให้ฟ้องผู้ต้องหายังศาล"[1] ซึ่งตามกฎหมายมีความมุ่งหมายให้แพทย์และพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบในสถานที่พบศพ ยกเว้นแต่ว่าการชันสูตรพลิกศพ เพื่อตรวจดูสภาพศพในสถานที่เกิดเหตุนั้น อาจเป็นเหตุทำให้การจราจรติดขัดมาก อาจกลายเป็นสถานที่อุดจาตาจากสภาพศพ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนทั่วไป แพทย์และพนักงานสอบสวนย่อมมีสิทธิ์ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายศพ เพื่อนำไปทำการชันสูตรพลิกศพยังสถานที่อื่นที่เหมาะสมได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 148 ความว่า "เมื่อปรากฏแน่ชัดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดตายโดยผิดธรรมชาติ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานให้มีการชันสูตรพลิกศพ เว้นแต่ตายโดยการประหารชีวิตตามกฎหมาย"[2] อาจเห็นได้ว่าสภาพการจราจรในปัจจุบันก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางด้านจราจรเป็นจำนวนมาก เกือบทุกรายที่ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายศพจากสถานที่เกิดเหตุเพื่อไปทำการชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบสาเหตุการตายในสถานที่อื่นเช่น สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งก็มักจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผ่าศพนั่นเอง ประวัติ การชันสูตรพลิกศพในประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากนัก เท่าที่ปรากฏหลักฐานที่สามารถสืบค้นและตรวจสอบได้ในประเทศไทย สามารถเรียงลำดับตามเหตุการณ์ตามประวัติของการชันสูตรพลิกศพ โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อปี ร.ศ.116 หรือ พ.ศ. 2440 ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ร.ศ.116 มาตรา 47 ข้อ 1 ซึ่งมีข้อความว่า "ถ้าผู้ถูกกระทำร้ายจะทำการชันสูตรบาดแผลของตน เพื่อเป็นหลักฐานในทางความก็ตามหรือพรรคพวกผู้ตาย จะขอให้ชันสูตรศพเพื่อเป็นหลักฐานในเหตุความตายนั้นก็ตาม ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอ ที่จะทำการชันสูตรตามวิธีที่บังคับไว้ในกฎหมาย ถ้าการชันสูตรนั้นจะมาทำยังที่ว่าการอำเภอไม่ได้ กรมการอำเภอ ก็ต้องไปชันสูตรให้ถึงที่" ต่อมาภายหลังปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การชันสูตรพลิกศพทำได้โดยใคร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การชันสูตรพลิกศพ Article: การชันสูตรพลิกศพ (English: Autopsy) คือการตรวจพิสูจน์เพื่อดูสภาพศพแต่เพียงภายนอก ค้นหาสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตายว่าผู้ตายคือใคร ตายเมื่อใด ถ้าตายโดยคนทำร้าย สงสัยว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดที่ทำให้เกิดการตายตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 129 ความว่า "ให้ทำการสอบสวนรวมทั้งการชันสูตรพลิกศพในกรณีที่ความตายเป็นผลแห่งการกระทำผิดอาญาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ ถ้าการชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จ ห้ามมิให้ฟ้องผู้ต้องหายังศาล"[1] ซึ่งตามกฎหมายมีความมุ่งหมายให้แพทย์และพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบในสถานที่พบศพ ยกเว้นแต่ว่าการชันสูตรพลิกศพ เพื่อตรวจดูสภาพศพในสถานที่เกิดเหตุนั้น อาจเป็นเหตุทำให้การจราจรติดขัดมาก อาจกลายเป็นสถานที่อุดจาตาจากสภาพศพ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนทั่วไป แพทย์และพนักงานสอบสวนย่อมมีสิทธิ์ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายศพ เพื่อนำไปทำการชันสูตรพลิกศพยังสถานที่อื่นที่เหมาะสมได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 148 ความว่า "เมื่อปรากฏแน่ชัดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดตายโดยผิดธรรมชาติ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานให้มีการชันสูตรพลิกศพ เว้นแต่ตายโดยการประหารชีวิตตามกฎหมาย"[2] อาจเห็นได้ว่าสภาพการจราจรในปัจจุบันก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางด้านจราจรเป็นจำนวนมาก เกือบทุกรายที่ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายศพจากสถานที่เกิดเหตุเพื่อไปทำการชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบสาเหตุการตายในสถานที่อื่นเช่น สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งก็มักจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผ่าศพนั่นเอง ประวัติ การชันสูตรพลิกศพในประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากนัก เท่าที่ปรากฏหลักฐานที่สามารถสืบค้นและตรวจสอบได้ในประเทศไทย สามารถเรียงลำดับตามเหตุการณ์ตามประวัติของการชันสูตรพลิกศพ โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อปี ร.ศ.116 หรือ พ.ศ. 2440 ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ร.ศ.116 มาตรา 47 ข้อ 1 ซึ่งมีข้อความว่า "ถ้าผู้ถูกกระทำร้ายจะทำการชันสูตรบาดแผลของตน เพื่อเป็นหลักฐานในทางความก็ตามหรือพรรคพวกผู้ตาย จะขอให้ชันสูตรศพเพื่อเป็นหลักฐานในเหตุความตายนั้นก็ตาม ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอ ที่จะทำการชันสูตรตามวิธีที่บังคับไว้ในกฎหมาย ถ้าการชันสูตรนั้นจะมาทำยังที่ว่าการอำเภอไม่ได้ กรมการอำเภอ ก็ต้องไปชันสูตรให้ถึงที่" ต่อมาภายหลังปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การชันสูตรพลิกศพสามารถทำกับศพที่เสียชีวิตมาแล้วสิบปีได้หรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การชันสูตรพลิกศพ Article: การชันสูตรพลิกศพ (English: Autopsy) คือการตรวจพิสูจน์เพื่อดูสภาพศพแต่เพียงภายนอก ค้นหาสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตายว่าผู้ตายคือใคร ตายเมื่อใด ถ้าตายโดยคนทำร้าย สงสัยว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดที่ทำให้เกิดการตายตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 129 ความว่า "ให้ทำการสอบสวนรวมทั้งการชันสูตรพลิกศพในกรณีที่ความตายเป็นผลแห่งการกระทำผิดอาญาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ ถ้าการชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จ ห้ามมิให้ฟ้องผู้ต้องหายังศาล"[1] ซึ่งตามกฎหมายมีความมุ่งหมายให้แพทย์และพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบในสถานที่พบศพ ยกเว้นแต่ว่าการชันสูตรพลิกศพ เพื่อตรวจดูสภาพศพในสถานที่เกิดเหตุนั้น อาจเป็นเหตุทำให้การจราจรติดขัดมาก อาจกลายเป็นสถานที่อุดจาตาจากสภาพศพ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนทั่วไป แพทย์และพนักงานสอบสวนย่อมมีสิทธิ์ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายศพ เพื่อนำไปทำการชันสูตรพลิกศพยังสถานที่อื่นที่เหมาะสมได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 148 ความว่า "เมื่อปรากฏแน่ชัดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดตายโดยผิดธรรมชาติ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานให้มีการชันสูตรพลิกศพ เว้นแต่ตายโดยการประหารชีวิตตามกฎหมาย"[2] อาจเห็นได้ว่าสภาพการจราจรในปัจจุบันก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางด้านจราจรเป็นจำนวนมาก เกือบทุกรายที่ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายศพจากสถานที่เกิดเหตุเพื่อไปทำการชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบสาเหตุการตายในสถานที่อื่นเช่น สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งก็มักจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผ่าศพนั่นเอง ประวัติ การชันสูตรพลิกศพในประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากนัก เท่าที่ปรากฏหลักฐานที่สามารถสืบค้นและตรวจสอบได้ในประเทศไทย สามารถเรียงลำดับตามเหตุการณ์ตามประวัติของการชันสูตรพลิกศพ โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อปี ร.ศ.116 หรือ พ.ศ. 2440 ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ร.ศ.116 มาตรา 47 ข้อ 1 ซึ่งมีข้อความว่า "ถ้าผู้ถูกกระทำร้ายจะทำการชันสูตรบาดแผลของตน เพื่อเป็นหลักฐานในทางความก็ตามหรือพรรคพวกผู้ตาย จะขอให้ชันสูตรศพเพื่อเป็นหลักฐานในเหตุความตายนั้นก็ตาม ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอ ที่จะทำการชันสูตรตามวิธีที่บังคับไว้ในกฎหมาย ถ้าการชันสูตรนั้นจะมาทำยังที่ว่าการอำเภอไม่ได้ กรมการอำเภอ ก็ต้องไปชันสูตรให้ถึงที่" ต่อมาภายหลังปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การชันสูตรพลิกศพหากไม่ได้รับคำสั่งตามกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การสิ้นพระชนม์ของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ Article: วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.​ 2540 ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ สิ้นพระชนม์ภายหลังทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในอุโมงค์ทางลอดสะพานปองต์เดอลัลมา กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดดี ฟาเยด พระสหาย และอองรี ปอล คนขับรถ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ มีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ เทรเวอร์ รีส์–โจนส์ ผู้ทำหน้าที่องครักษ์  ขบวนช่างภาพปาปารัสซีที่ติดตามไดอานาตกเป็นจำเลยสังคมทันที เนื่องจากมีการนำเสนอข่าวว่าช่างภาพปาปารัสซีเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ แต่การสืบสวนของหน่วยงานยุติธรรมของฝรั่งเศสซึ่งใช้เวลานานกว่า 18 เดือน สรุปผลว่า นายอองรี ปอล อยู่ในอาการมึนเมาขณะขับรถยนต์และไม่สามารถควบคุมรถซึ่งขับมาด้วยความเร็วสูงได้ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในคืนนั้น อองรี ปอล นั้นเป็นรองหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยโรงแรมริตซ์ และก่อนเกิดอุบัติเหตุเขาได้ท้าทายกลุ่มช่างภาพปาปารัสซีที่คอยอยู่หน้าโรงแรม[1] เจ้าหน้าที่นิติเวชยังตรวจพบยาต้านอาการทางจิต และยาต้านโรคซึมเศร้าในตัวอย่างเลือดของอองรี ปอล[2][3] และอีกหนึ่งข้อสรุปก็คือ กลุ่มช่างภาพปาปารัสซีไม่ได้อยู่ใกล้รถเบนซ์ในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ[4] เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 โมฮัมเหม็ด ฟาเยด บิดาของโดดี และเจ้าของโรงแรมริทซ์ กล่าวอ้างว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเป็นแผนลอบสังหาร[5] ซึ่งปฏิบัติการโดยหน่วยสืบราชการลับ MI6 ตามคำพระบัญชาของพระราชวงศ์[6] แต่คำกล่าวอ้างของโมฮัมเหม็ดขัดแย้งกับผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส[2] และปฏิบัติการแพเจต ของตำรวจนครบาลอังกฤษ พ.ศ. 2549[7] 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มีการเบิกความคดีการสิ้นพระชนม์อีกครั้งหนึ่งโดยผู้พิพากษา สกอต เบเกอร์ ณ ศาลอุทธรณ์ กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีต่อเนื่องมาจากครั้งแรกใน พ.ศ. 2547[8] 7 เมษายน พ.ศ. 2551 คณะลูกขุนแถลงคำตัดสินปิดคดีว่า การสิ้นพระชนม์ไดอานาและการเสียชีวิตของโดดีเกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นผลจากความประมาทอย่างร้ายแรงของอองรี ปอล และความประมาทอย่างร้ายแรงกลุ่มช่างภาพปาปารัสซีที่ไล่ติดตาม[9] นอกจากนี้คณะลูกขุนยังระบุถึงปัจจัยอื่นเพิ่มเติมที่มีส่วนให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ 1) คนขับรถบกพร่องในการตัดสินใจเนื่องจากตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ 2) ข้อเท็จจริงที่ผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจเป็นเหตุหรือมีส่วนทำให้ถึงแก่ความตาย 3) ข้อเท็จจริงที่รถเบนซ์พุ่งชนตอม่อภายในถนนลอดอุโมงค์สะพานปองต์เดอลัลมา...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การซื้อขายตราสารอนุพันธ์ในระบบตลาดทางการ จะมีการการซื้อขายแบบใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ตราสารอนุพันธ์ Article: ตราสารอนุพันธ์ (English: derivative บางตำราอาจเรียกว่า สัญญาอนุพันธ์) เป็นตราสารทางการเงินประเภทหนึ่ง ที่มูลค่าของตราสารจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินของสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ได้มีค่าจากกระแสเงินของตัวตราสารเองโดยตรง ตัวอย่างของตราสารอนุพันธ์ ได้แก่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบมาตรฐาน (futures), สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบไม่มาตรฐาน (forward), ตราสารแลกเปลี่ยน (swap), ตราสารสิทธิ (option) เป็นต้น และมีสินทรัพย์ที่สามารถอ้างอิงได้คือ เงินตราต่างประเทศ ตราสารหนี้ ตราสารทุน สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น โลหะมีค่า สินค้าเกษตร น้ำมัน หรือสินค้าอื่นใดที่มีดัชนีแน่นอนรองรับการออกตราสารอนุพันธ์ได้ สินทรัพย์อ้างอิงของตราสารอนุพันธ์ สินทรัพย์ที่ตราสารอนุพันธ์สามารถอ้างอิงได้นั้นเป็นสินทรัพย์ได้เกือบทุกประเภท โดยอาจแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ได้แก่ เชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน เอทานอล สินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง นม กุ้ง เนื้อสุกร เป็นต้น สินทรัพย์ทางการเงิน ได้แก่ หุ้นสามัญ หุ้นกู้ เงินตราต่างประเทศ (forex) เป็นต้น ตัวแปรทางการเงิน ได้แก่ ดัชนีของหลักทรัพย์ต่างๆ อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน อันดับความน่าเชื่อถือ เป็นต้น ตราสารอนุพันธ์ เช่น ตราสารสิทธิเพื่อซื้อขายล่วงหน้า (fution) ตราสารสิทธิเพื่อแลกเปลี่ยน (swaption) เป็นต้น อื่นๆ ได้แก่ ความเสียหาย สภาพอากาศ อุณหภูมิ เป็นต้น ประเภทของตราสารอนุพันธ์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบมาตรฐาน (futures contract) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบไม่มาตรฐาน (forward contract) เป็นสัญญาซึ่งทำการตกลงกันระหว่างบุคคล หรือสถาบัน 2 ฝ่าย โดยมีฝ่ายของผู้ซื้อ และฝ่ายของผู้ขาย ทำการตกลงกันในสัญญาว่า จะมีการซื้อขายสินทรัพย์ (ซึ่งอาจเป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตน หรือสินทรัพย์ทางการเงิน) ในอนาคต โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะมีภาระผูกพันที่จะต้องทำตามสัญญาที่กำหนดไว้ ดังนั้นภาระของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายผู้ขายจะต้องนำสินทรัพย์มาทำการส่งมอบในอนาคต และฝ่ายผู้ซื้อจะทำการชำระราคาในอนาคต เช่น คู่สัญญาทำการตกลงจะซื้อขายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในอีก 3 เดือนข้างหน้า เมื่อระยะเวลาถึงกำหนดตามข้อตกลงในสัญญาทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องทำตามสัญญา (มักจะเรียกว่าวันที่สัญญาครบกำหนดอายุ หรือ Maturity Date) คือ ผู้ซื้อจะต้องนำเงินบาทมาชำระค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และฝ่ายผู้ขายก็จะต้องนำเงินดอลลาร์สหรัฐมาส่งมอบเช่นเดียวกัน ตราสารสิทธิ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การดักจับและการจัดเก็บคาร์บอนใช้ครั้งแรกในประเทศอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ปรากฏการณ์เรือนกระจก Article: ปรากฏการณ์เรือนกระจก (English: greenhouse effect) คือ ขบวนการที่รังสีความร้อนจากพื้นผิวโลกจะถูกดูดซับโดยก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ และแผ่รังสีออกไปอีกครั้งในทุกทิศทาง เนื่องจากการแผ่รังสีออกไปอีกครั้งถูกส่งกลับมายังพื้นผิวโลกและบรรยากาศด้านล่าง เป็นผลทำให้ระดับอุณหภูมิพื้นผิวโลกเฉลี่ยสูงขึ้นถ้าไม่มีก๊าซเหล่านี้[1][2] การแผ่รังสีดวงอาทิตย์ที่ความถี่แสงที่ตามองเห็นผ่านชั้นบรรยากาศเป็นส่วนใหญ่และทำให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกสูงขึ้น แล้วจะมีการแผ่พลังงานนี้ออกมาในรูปรังสีความร้อนอินฟราเรดที่มีความถี่ต่ำกว่า การแผ่รังสีอินฟราเรดถูกก๊าซเรือนกระจกดูดซับไว้ และจะมีการแผ่พลังงานปริมาณมากกลับไปยังพื้นผิวโลกและชั้นบรรยากาศที่ต่ำกว่า กลไกดังกล่าวตั้งชื่อตามปรากฏการณ์ที่การแผ่รังสีดวงอาทิตย์ผ่านกระจกแล้วทำให้เรือนกระจกอุ่นขึ้น แต่วิธีการกักเก็บความร้อนนั้นแตกต่างไป โดยเรือนกระจกเป็นการลดการไหลของอากาศ แยกอากาศที่อุ่นข้างในเพื่อที่ความร้อนจะไม่สูญเสียไปโดยการพาความร้อน[2][3][4] โจเซฟ ฟูริเออร์ (Joseph Fourier) เป็นผู้ค้นพบปรากฏการณ์เรือนกระจกเมื่อ พ.ศ. 2367 สวานเต อาร์เรเนียส (Svante Arrhenius) เป็นผู้ทดสอบหาปริมาณความร้อนเมื่อ พ.ศ. 2439[5][6] ถ้าวัตถุดำพาความร้อนในอุดมคติมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์เท่ากับโลก วัตถุดำนี้จะมีอุณหภูมิราว 5.3 °C อย่างไรก็ดี เนื่องจากโลกสะท้อนแสงอาทิตย์ที่เข้ามาราว 30%[7] [8] อุณหภูมิยังผล (อุณหภูมิของวัตถุดำที่จะแผ่รังสีปริมาณเท่ากัน) จะอยู่ที่ราว −18 °C[9][10] ซึ่งต่ำกว่าอุณหภูมิพื้นผิวที่แท้จริงที่ราว 14 °C[11] อยู่ 33 °C กลไกที่สร้างความแตกต่างนี้ระหว่างอุณหภูมิพื้นผิวที่แท้จริงกับอุณหภูมิยังผลเป็นเพราะชั้นบรรยากาศและสิ่งที่รู้จักกันในชื่อปรากฏการณ์เรือนกระจก[12] ปรากฏการณ์เรือนกระจกตามธรรมชาติของโลกทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ ทว่า กิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และการทำลายป่า ได้เพิ่มปรากฏการณ์เรือนกระจกธรรมชาติ ทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน[13] กลไก โลกรับพลังงานจากดวงอาทิตย์ในรูปของการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ พลังงานเกือบทั้งหมดมีขนาดความยาวช่วงคลื่นที่มองเห็นได้และในช่วงความยาวคลื่นอินฟราเรดที่เกือบมองเห็น (บางครั้งเรียกว่าช่วงคลื่น<i data-parsoid='{"dsr":[7852,7869,2,2]}'>ใกล้อินฟราเรด) โลกมีอัตราส่วนรังสีสะท้อน (albedo) ประมาณ 30% ของรังสีดวงอาทิตย์ที่แผ่ลงมา...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การดักฟังทางโทรศัพท์เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายในไทยใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ระบบโทรศัพท์ Article: ระบบโทรศัพท์ (English: telephony) เป็นสาขาหนึ่งของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา, การนำไปประยุกต์ใช้งาน, การใช้งานบริการโทรคมนาคมสำหรับการส่งผ่านแบบอิเล็กทรอนิกส์ของเสียง, โทรสาร และข้อมูลระหว่างบุคคลที่อยู่ห่างไกล. ประวัติศาสตร์ของระบบโทรศัพท์มีการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการประดิษฐ์และการพัฒนาของเครื่องโทรศัพท์ ระบบโทรศัพท์ปกติจะถูกอ้างถึงว่าเป็นการสร้างหรือการใช้งานของเครื่องโทรศัพท์ และระบบเครื่องโทรศัพท์ก็เป็นระบบหนึ่งของการสื่อสารโทรคมนาคม ในที่ซึ่ง อุปกรณ์ที่เกียวกับเครื่องโทรศัพท์ถูกใช้งานในการส่งคำพูดหรือเสียงอื่นๆระหว่างจุดหลายจุด, แบบที่มีการใช้สายหรือไม่มีการใช้สาย[1]. คำนี้ก็มักจะหมายถึงฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ที่โดยทั่วไปทำโดยอุปกรณ์โทรศัพท์ ในบริบทนี้ เทคโนโลยีจะใช้เรียกโดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็น โทรศัพท์อินเทอร์เน็ต หรือ Voice over Internet Protocol ( VoIP) สรุปภาพรวม เครื่องโทรศัพท์ในตอนแรกถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยตรงเป็นคู่ๆ ผู้ใช้แต่ละคนจะมีสายโทรศัพท์แยกไปยังสถานที่ต่างๆที่เขาต้องการที่จะโทรไปถึง วิธีนี้กลายเป็นวิธีที่ไม่สะดวกเมื่อมีคนต้องการที่จะสื่อสารกับคนอื่นๆอีกมากมายโดยใช้โทรศัพท์ ดังนั้นชุมสายโทรศัพท์จึงถูกคิดค้นขึ้น เครื่องโทรศัพท์แต่ละเครื่องก็จะถูกเชื่อมต่อกับคนอื่นๆในท้องถิ่น ทำให้เกิดการ ประดิษฐ์ local loop และการเรียกเข้าโทรศัพท์ ในไม่ช้า ชุมสายต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงกันถูก เชื่อมต่อกันด้วย trunk lines (คือกลุ่มของเคเบิลหลายคู่สาย อาจมัดอยู่รวมกันในเคเบิลใหญ่เส้นเดียวกัน)และการใช้ทางไกลในที่สุด ในสมัยใหม่(ดูภาพประกอบ) เครื่องโทรศัพท์ส่วนใหญ่จะเสียบเข้ากับแจ็คโทรศัพท์ แจ็คจะเชื่อมต่อกับ drop wire ด้วยสายภายใน, drop wire จะเชื่อมต่อระหว่างอาคารกับสายเคเบิลภายนอก. สายเคเบิล ภายนอกปลายด้านหนึ่งจะต่อเข้ากับ drop wire จำนวนมากจากทั่วทุกพื้นที่บริการ ปลายอีกด้านหนึ่งต่อเข้าไปที่ชุมสายโทรศัพท์ท้องถิ่น เมื่อผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์ต้องการที่จะโทรออก, อุปกรณ์ที่ชุมสายจะตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรออก และเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ไปยังอีก เครื่องที่อยู่ในชุมสายเดียวกัน หรือไปยัง trunk ที่ไปชุมสายอื่น ชุมสายส่วนใหญ่ในโลกมีการเชื่อมต่อถึงกันทำรูปแบบเป็นเครือข่ายชุมสายโทรศัพท์สาธารณะ (English: public switched telephone network) หรือ PSTN ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การดำหัวแบบล้านนา จะไม่เหมือนการรดน้ำ ดำหัว แบบของภาคกลางหรืออื่นๆใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ปีใหม่เมือง Article: ประเพณีปีใหม่เมือง (Northern Thai: ) เป็นประเพณีที่ปรากฏในเดือนเมษายน หรือเดือน 7 เหนือ ประเพณีปีใหม่เมืองเป็นการเปลี่ยนศักราชใหม่ การเอาเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปีนั้นอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อเรื่องการเปลี่ยนศักราชใหม่ และเป็นโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวได้มาอยู่รวมกันเพื่อทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ ดำหัว เล่นน้ำ และขอพรจากผู้ใหญ่อีกด้วย[1] ช่วงเวลาในปีใหม่เมือง วันสังขานต์ล่อง วันสังขานต์ล่อง ปัจจุบันถือเอาวันที่ 13 เมษายน ของทุกปีเป็นวันสังขานต์ล่อง เป็นวันแรกของกิจกรรมประเพณีปีใหม่เมือง หลังเที่ยงคืนวันที่ 13 เมษายน จะมีการจุดประทัด ยิงปืน เพื่อส่งสังขารหรือไล่สังขาร (จะถือเอาตามเวลาสังขานต์ล่องตามที่บอกในปฏิทินปี๋ใหม่เมืองในปีนั้น เช่นบอกว่าสังขานต์จะล่องเมื่อ 03 นาฬิกา 30 นาที 26 วินาที ชาวบ้านก็จะจุดปะทัดเวลานั้นถือว่าไล่สังขานต์) วันนี้สมาชิกในครอบครัวจะทำความสะอาดบ้านเรือน ทั้งบนเรือนและใต้ถุนบ้าน การทำความสะอาดเจ้าที่ ศาลพระภูมิ บางท้องถิ่นจะทำคานหามใส่ดอกไม้ ธูปเทียน ต้นดอก ต้นเทียน เรียกกันว่า “ต้นสังขานต์” แล้วพากันแห่ขบวนเอาคานหามไปลอยน้ำเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ แต่ในบางพื้นที่จะเตรียมเสื้อผ้า (เอาที่เป็นตัวแทน) ในแต่ละคนในครอบครัวไปทำพิธีในวัดวันนี้โดยพับเสื้อผ้าให้เรียบร้อยใส่ในสลุงหรือตะกร้าแล้วนำสตวง (อ่านว่าสะ ตวง) ไปวางทับอีกทีเแล้วไปทำพิธีในวัด เมื่อเสร็จจะเอาผ้าไปสะบัดที่แม่น้ำเชื่อว่าเป็นการสะบัดเคราะห์ บางพื้นที่จะมีการนำเชือกสายสินธ์ของแต่ละครอบครัวเช่นในครอบครัวมี 5 คนก็นำเชือกมา 5 เส้นมา เชือกนั้นจะชุบน้ำมันเพื่อนำไปเผาเวลาทำพิธี และในวันนี้จะมีการสระเกล้า สระผมของตัวเองตามทิศที่เป็นมงคลซึ่งจะบอกในปฏิทินปี๋ใหม่เมือง วันนี้สมาชิกในครอบครัวจะทำความสะอาดบ้านเรือน ทั้งบนเรือนและใต้ถุนบ้าน บางท้องถิ่นจะทำคานหามใส่ดอกไม้ ธูปเทียน ต้นดอก ต้นเทียน เรียกกันว่า “ต้นสังขาร” แล้วพากันแห่ขบวนเอาคานหามไปลอยน้ำเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์[3][4][5] วันเน่าหรือวันเนาว์ วันเน่าหรือวันเนาว์ เป็นวันที่ 14 เมษายน ของทุกปี เป็นวันที่สองของประเพณีปีใหม่เมือง ตามประเพณีแล้ววันนี้เป็น "วันดา" คือวันที่ต้อง เตรียมสิ่งของต่างๆ เพื่อใช้ทำบุญในวันรุ่งขึ้น และตลอดทั้งวัน เด็กๆ บ่าว สาว ผู้เฒ่าผู้แก่ จะพากันไปขนทรายที่แม่น้ำ เข้าวัด เพื่อก่อเป็นเจดีย์ทราย คนล้านนามีความเชื่อเรื่องวันเน่าว่า...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การดื้อแพ่ง เริ่มใช้ครั้งแรกในแถบทวีปใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประชาธิปไตย Article: ประชาธิปไตย (English: democracy) เป็นระบอบการปกครองแบบหนึ่งซึ่งการบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของพลเมือง ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยพลเมืองอาจใช้อำนาจของตนด้วยตนเองหรือผ่านผู้แทนที่เลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้ ประชาธิปไตยยังเป็นอุดมคติที่ว่าพลเมืองทุกคนในชาติร่วมกันพิจารณากฎหมายและการปฏิบัติของรัฐ และกำหนดให้พลเมืองทุกคนมีโอกาสแสดงความยินยอมและเจตนาของตนเท่าเทียมกัน ประชาธิปไตยเกิดขึ้นในบางนครรัฐกรีกโบราณช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเอเธนส์หลังการก่อการกำเริบเมื่อ 508 ปีก่อนคริสตกาล[1] ประชาธิปไตยแบบนี้เรียกว่า ประชาธิปไตยทางตรง ซึ่งพลเมืองเกี่ยวข้องในกระบวนการทางการเมืองโดยตรง แต่ประชาธิปไตยในปัจจุบันเป็นประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน โดยสาธารณะออกเสียงในการเลือกตั้งและเลือกนักการเมืองเป็นผู้แทนตนในรัฐสภา จากนั้น สมาชิกสภาจะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยเสียงข้างมาก ประชาธิปไตยทางตรงยังมีอยู่ในระดับท้องถิ่นหลายประเทศ เช่น การเลือกตั้งสมาชิกเทศบาล อย่างไรก็ดี ในระดับชาติ ความเป็นประชาธิปไตยทางตรงมีเพียงการลงประชามติ การริเริ่มออกกฎหมายและการถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง แม้ในปัจจุบัน ประชาธิปไตยจะยังไม่มีนิยามที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันก็ตาม[2] แต่มีการระบุว่าความเสมอภาคและอิสรภาพเป็นคุณลักษณะสำคัญของประชาธิปไตยนับแต่โบราณกาล[3][4][5] หลักการดังกล่าวสะท้อนออกมาผ่านความเสมอภาคทางกฎหมายของพลเมืองทุกคน และสิทธิเข้าถึงกระบวนการทางกฎหมายโดยเท่าเทียม ตัวอย่างเช่น ในประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน ทุกเสียงมีน้ำหนักเท่ากันทั้งสิ้น และไม่มีการจำกัดอย่างไร้เหตุผลใช้บังคับกับทุกคนที่ปรารถนาเป็นผู้แทน ส่วนอิสรภาพได้มาจากสิทธิและเสรีภาพตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งโดยทั่วไปได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ[4][5] ประชาธิปไตยถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในกรีซโบราณ[6][7] แต่วิธีปฏิบัติแบบประชาธิปไตยปรากฏในสังคมอยู่ก่อนแล้ว รวมทั้งเมโสโปเตเมีย ฟินีเซียและอินเดีย[8] วัฒนธรรมอื่นหลังกรีซได้มีส่วนสำคัญต่อวิวัฒนาการของประชาธิปไตย เช่น โรมันโบราณ[6] ยุโรป[6] และอเมริกาเหนือและใต้[9] มโนทัศน์ประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนเกิดขึ้นส่วนใหญ่จากแนวคิดและสถาบันซึ่งได้ถูกพัฒนาระหว่างยุคกลางของยุโรปและยุคภูมิธรรมในการปฏิวัติอเมริกาและการปฏิวัติฝรั่งเศส[10] ประชาธิปไตยถูกเรียกว่า "ระบอบการปกครองสุดท้าย" และแพร่หลายอย่างมากไปทั่วโลก[11]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การดื้อแพ่ง แนวคิดนี้เป็นแวคิดของใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: จอห์น ล็อก Article: จอห์น ล็อก (English: John Locke; 29 สิงหาคม พ.ศ. 2175-28 ตุลาคม พ.ศ. 2247) เป็นนักปรัชญา ชาวอังกฤษ ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17 ความสนใจหลักของเขาคือสังคมและทฤษฎีของความรู้ แนวคิดของล็อกที่เกี่ยวกับ "ผู้ปกครองที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใต้ปกครอง" และสิทธิธรรมชาติของมนุษย์ ที่เขาอธิบายว่าประกอบไปด้วย ชีวิต, เสรีภาพ, และทรัพย์สิน นั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อพัฒนาการทางปรัชญาการเมือง แนวคิดของเขาเป็นพื้นฐานของกฎหมายและรัฐบาลอเมริกัน ซึ่งผู้บุกเบิกได้ใช้มันเป็นเหตุผลของการปฏิวัติ แนวคิดด้านญาณวิทยาของล็อกนั้นมีอิทธิพลสำคัญไปจนถึงช่วงของยุคแสงสว่าง. เขามีทัศนะเกี่ยวกับทฤษฎีความรู้ว่า ความรู้จะต้องเกิดหลังประสบการณ์ และความรู้จะเกิดขึ้นโดยอาศัยการสัมผัส เมื่อมนุษย์ได้สัมผัสก็จะมีความรู้สึก และความรู้สึกจะทำให้มนุษย์นั้นคิด และความคิดนี้คือแหล่งกำเนิดแห่งความรู้ หากปราศจากการสัมผัสมนุษย์ก็จะไม่คิด เพราะจิตโดยธรรมชาติจะมีสภาพอยู่เฉย. เขาถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับนักประสบการณ์นิยมชาวบริติช ซึ่งประกอบไปด้วยเดวิด ฮูม และจอร์จ บาร์กลีย์. ล็อกมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับโทมัส ฮอบบส์ ผลงานที่เกี่ยวข้องในภาษาไทย กานต์ โกวิทย์สมบูรณ์, ความคิดทางการเมืองของจอห์น ล็อก (กำแพงเพชร: คณะวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร, 2535). พระมหามหรรถพงศ์ กวิวํโส, การศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดเรื่องสิทธิของจอห์น ล็อก กับพุทธปรัชญาเถรวาท (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2548). หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2175 หมวดหมู่:นักปรัชญา หมวดหมู่:ชาวอังกฤษ ล็อก, จอห์น
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การดุถูกตัวเองว่าทำไมโง่จังเป็นความภูมิใจในตนในสังคมวิทยาและจิตวิทยา ใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: มหาวิทยาลัยบูรพา Article: มหาวิทยาลัยบูรพา (English: Burapha University) สถาบันอุดมศึกษาของรัฐแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐตั้งอยู่ที่ ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 โดยอดีตเป็นวิทยาเขตหนึ่งของวิทยาลัยวิชาการศึกษา (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในปัจจุบัน)ก่อตั้งโดย พลเอกมังกร พรหมโยธี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงครามตั้งอยู่ ณ เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 647 ไร่ 35 ตารางวา[1] โดยมีชื่อว่า วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน หรือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน ในเวลาต่อมา ด้วยเหตุนี้วันที่ 8 กรกฎาคม หรือที่เรียกว่า "แปดกรกฎ" ของทุกปีจึงนับเป็นวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยโดยเอกเทศด้วยผลการประกาศใช้ "พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533" ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 ปัจจุบันมหาวิทยาลัยบูรพาเป็นมหาวิทยาลัยประจำภาคตะวันออกจัดการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี โท เอก ในหลากหลายกลุ่มสาขาวิชา เช่น วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เป็นต้น ประวัติมหาวิทยาลัย ก่อนการปฏิวัติสยาม ชาวสยามไม่ได้การศึกษาถึงขั้นปริญญาแม้ว่าจะมีการก่อตั้งสถาบันอุดมศึกษาขั้นสูงขึ้นในระดับมหาวิทยาลัย แต่ส่วนใหญ่สถาบันดังกล่าวก็กระจุกตัวอยู่เฉพาะบริเวณจังหวัดพระนครเมืองศูนย์กลางของประเทศสยาม ต่อมาในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีแนวคิดขยายอุดมศึกษาโดยช่วงแรกขยายสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางเช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน), มหาวิทยาลัยศิลปากร, วิทยาลัยวิชาการศึกษา ต่อมามีแนวคิดที่จะขยายอุดมศึกษาออกนอกจังหวัดพระนคร โดย พลเอกมังกร พรหมโยธี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เลือกชุมชนบางแสนเป็นแห่งแรกในการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาส่วนภูมิภาค ซึ่งอยู่ไม่ห่างไปจากจังหวัดพระนครมากนัก เป็นหาดทรายที่มีความลาดชันน้อย ยาวจากแหลมแท่นไปจรดเขตบางพระ มีความยาวประมาณ 5 กม. เมื่อ 50-60 ปี ที่ผ่านมามีบ้านเรือนอยู่ไม่ถึง 20 หลังคาเรือน ประกอบอาชีพด้านการประมงเล็กๆ โดย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การดูอายุของต้นไม้ดูจากอะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ซากดึกดำบรรพ์ Article: ซากดึกดำบรรพ์ หรือ ฟอสซิล (English: fossil) คำว่า ฟอสซิล มีความหมายเดิมว่า เป็นของแปลกที่ขุดขึ้นมาได้จากพื้นดิน แต่ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ในความหมายของซากหรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ถูกแปรสภาพด้วยกระบวนการเกิดซากดึกดำบรรพ์และถูกเก็บรักษาไว้ในชั้นหิน โดยอาจประกอบไปด้วยซากเหลือของสัตว์ พืช หรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตอื่นใดๆที่ได้รับการจัดแบ่งจำแนกไว้ทางชีววิทยา และรวมถึงร่องรอยต่างๆของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ การกำเนิด ซากดึกดำบรรพ์มีหลายชนิด อาจเป็นสิ่งที่มีความคงทนยากต่อการทำลาย เช่น ฟัน กระดูก หรือ เปลือก แต่ในบางสภาวะ อาจมีการเก็บรักษาซากสัตว์ทั้งตัวให้คงอยู่ได้ เช่น ช้างแมมมอท ที่ไซบีเรีย การเปลี่ยนแปลงจากซากสิ่งมีชีวิตมาเป็นซากดึกดำบรรพ์นั้น เกิดได้ในหลายลักษณะ โดยที่เมื่อสิ่งมีชีวิตตายลง ส่วนต่างๆของสิ่งมีชีวิตจะค่อย ๆ ถูกเปลี่ยน ช่องว่าง โพรง หรือรู ต่างๆในโครงสร้างอาจมีแร่เข้าไปตกผลึกทำให้แข็งขึ้น เรียกกระบวนการนี้ว่าการกลายเป็นหิน (petrification) หรือ เนื้อเยื้อ ผนังเซลล์ และส่วนแข็งอื่นๆ ถูกแทนที่ด้วยแร่ โดยกระบวนการแทนที่ (replacement) เปลือกหอยหรือสิ่งมีชีวิตที่จมอยู่ตามชั้นตะกอน เมื่อถูกละลายไปกับน้ำบาดาล จะเกิดเป็นรอยประทับอยู่บนชั้นตะกอน ซึ่งเรียกลักษณะนี้ว่า รอยพิมพ์ (mold) หากว่าช่องว่างนี้มีแร่เข้าไปตกผลึก จะได้ซากดึกดำบรรพ์ ในลักษณะที่เรียกว่ารูปหล่อ (cast) การเพิ่มคาร์บอน (carbonization) มักเป็นการเก็บรักษาซากดึกดำบรรพ์จำพวกใบไม้หรือสัตว์เล็ก ๆ ในลักษณะที่มีตะกอนเนื้อละเอียดมาปิดทับซากสิ่งมีชีวิต เมื่อเวลาผ่านไป ความดันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ส่วนประกอบที่เป็นของเหลวและก๊าซถูกขับออกไป เหลือไว้แต่แผ่นฟิล์มบางๆของคาร์บอน หากว่าฟิล์มบาง ๆ นี้หลุดหายไป ร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ในชั้นตะกอนเนื้อละเอียดจะเรียกว่า impression สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีลักษณะบอบบาง เช่นพวกแมลง การเก็บรักษาให้กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ โดยปกติทำได้ยาก วิธีการที่เหมาะสม สำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ก็คือการเก็บไว้ในยางไม้ ซึ่งยางไม้นี้จะป้องกันสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จากการทำลายโดยธรรมชาติ นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ซากดึกดำบรรพ์ยังอาจเป็นร่องรอย ที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต เช่น ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต รอยคืบคลาน รอยตีน ที่อยู่ในชั้นตะกอนและกลายเป็นหินในระยะเวลาต่อมา หรืออาจเป็นช่อง รู โพรง (burrows) ในชั้นตะกอน ในเนื้อไม้...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ถูกคิดค้นครั้งแรกโดยใคร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ Article: อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์ (German: Albert Einstein) หรือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม กลศาสตร์สถิติ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ใน พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และจาก"การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี" หลังจากที่ไอน์ชไตน์ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ในปี พ.ศ. 2458 เขาก็กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยธรรมดานักสำหรับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ในปีต่อ ๆ มา ชื่อเสียงของเขาได้ขยายออกไปมากกว่านักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ ไอน์ชไตน์ ได้กลายมาเป็นแบบอย่างของความฉลาดหรืออัจฉริยะความนิยมในตัวของเขาทำให้มีการใช้ชื่อไอน์ชไตน์ในการโฆษณา หรือแม้แต่การจดทะเบียนชื่อ "อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์" ให้เป็นเครื่องหมายการค้า ตัวไอน์ชไตน์เองมีความระลึกถึงผลกระทบทางสังคม ซึ่งมีผลมาจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ในฐานะที่เขาได้เป็นปูชนียบุคคลแห่งความบรรลุทางปัญญา เขายังคงถูกยกย่องให้เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีที่มีอิทธิพลต่อวิทยาศาสตร์ที่สุดในยุคปัจจุบัน ทุกการสร้างสรรค์ของเขายังคงเป็นที่เคารพนับถือ ทั้งในความเชื่อในความสง่า ความงาม และความรู้แจ้งเห็นจริงในจักรวาล (คือแหล่งเสริมสร้างแรงบันดาลใจในวิทยาศาสตร์ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่) เป็นสูงสุด ความชาญฉลาดเชิงโครงสร้างของเขาแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบของจักรวาล ซึ่งงานเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านผลงานและหลักปรัชญาของเขา ในทุกวันนี้ ไอน์ชไตน์ยังคงเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังที่สุด ทั้งในวงการวิทยาศาสตร์และนอกวงการ ผลงานของไอน์ชไตน์ในสาขาฟิสิกส์มีมากมาย ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่ง: ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งนำกลศาสตร์มาประยุกต์รวมกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นไปตามหลักแห่งความสมมูล วางรากฐานของจักรวาลเชิงสัมพัทธ์ และค่าคงที่จักรวาล ขยายแนวความคิดยุคหลังนิวตัน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตรวจศพในสถานที่เกิดเหตุ นอกจากจะเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพแล้วยังเป็นหน้าที่ของใครด้วย?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การชันสูตรพลิกศพ Article: การชันสูตรพลิกศพ (English: Autopsy) คือการตรวจพิสูจน์เพื่อดูสภาพศพแต่เพียงภายนอก ค้นหาสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตายว่าผู้ตายคือใคร ตายเมื่อใด ถ้าตายโดยคนทำร้าย สงสัยว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดที่ทำให้เกิดการตายตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 129 ความว่า "ให้ทำการสอบสวนรวมทั้งการชันสูตรพลิกศพในกรณีที่ความตายเป็นผลแห่งการกระทำผิดอาญาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ ถ้าการชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จ ห้ามมิให้ฟ้องผู้ต้องหายังศาล"[1] ซึ่งตามกฎหมายมีความมุ่งหมายให้แพทย์และพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบในสถานที่พบศพ ยกเว้นแต่ว่าการชันสูตรพลิกศพ เพื่อตรวจดูสภาพศพในสถานที่เกิดเหตุนั้น อาจเป็นเหตุทำให้การจราจรติดขัดมาก อาจกลายเป็นสถานที่อุดจาตาจากสภาพศพ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนทั่วไป แพทย์และพนักงานสอบสวนย่อมมีสิทธิ์ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายศพ เพื่อนำไปทำการชันสูตรพลิกศพยังสถานที่อื่นที่เหมาะสมได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 148 ความว่า "เมื่อปรากฏแน่ชัดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดตายโดยผิดธรรมชาติ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานให้มีการชันสูตรพลิกศพ เว้นแต่ตายโดยการประหารชีวิตตามกฎหมาย"[2] อาจเห็นได้ว่าสภาพการจราจรในปัจจุบันก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางด้านจราจรเป็นจำนวนมาก เกือบทุกรายที่ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายศพจากสถานที่เกิดเหตุเพื่อไปทำการชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบสาเหตุการตายในสถานที่อื่นเช่น สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งก็มักจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผ่าศพนั่นเอง ประวัติ การชันสูตรพลิกศพในประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากนัก เท่าที่ปรากฏหลักฐานที่สามารถสืบค้นและตรวจสอบได้ในประเทศไทย สามารถเรียงลำดับตามเหตุการณ์ตามประวัติของการชันสูตรพลิกศพ โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อปี ร.ศ.116 หรือ พ.ศ. 2440 ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ร.ศ.116 มาตรา 47 ข้อ 1 ซึ่งมีข้อความว่า "ถ้าผู้ถูกกระทำร้ายจะทำการชันสูตรบาดแผลของตน เพื่อเป็นหลักฐานในทางความก็ตามหรือพรรคพวกผู้ตาย จะขอให้ชันสูตรศพเพื่อเป็นหลักฐานในเหตุความตายนั้นก็ตาม ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอ ที่จะทำการชันสูตรตามวิธีที่บังคับไว้ในกฎหมาย ถ้าการชันสูตรนั้นจะมาทำยังที่ว่าการอำเภอไม่ได้ กรมการอำเภอ ก็ต้องไปชันสูตรให้ถึงที่" ต่อมาภายหลังปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตรวจสอบความปลอดภัยข้อมูล มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การตรวจสอบความปลอดภัยข้อมูล Article: การตรวจสอบความปลอดภัยข้อมูล เป็นการตรวจสอบในระดับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลในองค์กรภายในขอบเขตของการรักษาความปลอดภัยข้อมูลการตรวจสอบมีหลายประเภทของการตรวจสอบวัตถุประสงค์การตรวจสอบแตกต่างกันหลายเป็นต้นส่วนใหญ่มักถูกควบคุมตรวจสอบสามารถแบ่งการเทคนิคทางกายภาพและการบริหาร ตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลครอบคลุมหัวข้อจากการตรวจสอบความปลอดภัยทางกายภาพของศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบความปลอดภัยของฐานข้อมูลเชิงตรรกะและไฮไลท์ส่วนประกอบสำคัญในการหาและวิธีการที่แตกต่างกันสำหรับการตรวจสอบพื้นที่เหล่านี้ เมื่อศูนย์กลางด้านไอทีของความปลอดภัยของข้อมูลก็สามารถเห็นได้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบเทคโนโลยีสารสนเทศ มันมักจะอ้างแล้วว่าเทคโนโลยีสารสนเทศตรวจสอบความปลอดภัยหรือตรวจสอบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตามการรักษาความปลอดภัยข้อมูลครอบคลุมมากกว่า IT การตรวจสอบ การวางแผนการตรวจสอบและจัดเตรียม ผู้สอบบัญชีควรมีการศึกษาอย่างเพียงพอเกี่ยวกับ บริษัท ฯ และกิมทางธุรกิจที่สำคัญในครั้งก่อนการตรวจสอบศูนย์ข้อมูล วัตถุประสงค์ของศูนย์ข้อมูลคือการจัดกิจกรรมศูนย์ข้อมูลกับเป้าหมายของธุรกิจในขณะที่รักษาความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของข้อมูลที่สำคัญและกระบวนการ เพื่อพิจารณาว่าเพียงพอหรือไม่เป้าหมายของลูกค้าจะถูกความ, ผู้สอบบัญชีจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ก่อนการตรวจสอบ: พบกับ IT การจัดการเพื่อกำหนดพื้นที่ที่เป็นไปได้ของความกังวล ทบทวนปัจจุบันแผนผังองค์กรไอที ตรวจสอบรายละเอียดการทำงานของพนักงานศูนย์ข้อมูล การวิจัยทุกระบบปฏิบัติการและโปรแกรมซอฟต์แวร์ข้อมูลศูนย์ปฏิบัติการอุปกรณ์ภายในศูนย์ข้อมูล ทบทวนนโยบายของ บริษัท ไอทีและวิธีการ ประเมินงบประมาณ IT ของ บริษัท และระบบการวางแผนเอกสาร ศูนย์ตรวจสอบข้อมูลของแผนกู้คืนระบบ การตั้งวัตถุประสงค์การตรวจสอบ ขั้นตอนถัดไปในการดำเนินการตรวจสอบของศูนย์ข้อมูลองค์กรที่เกิดขึ้นเมื่อผู้สอบบัญชีเค้าร่างข้อมูลศูนย์วัตถุประสงค์การตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบพิจารณาปัจจัยหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับการศูนย์ข้อมูลและการระบุความเสี่ยงที่อาจตรวจสอบในสภาพแวดล้อมการดำเนินงานและประเมินผลการควบคุมในสถานที่ที่ลดความเสี่ยงที่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตรวจหา โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบสามารถทำได้กี่วิธี?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เยื่อหุ้มสมองอักเสบ Article: เยื่อหุ้มสมองอักเสบ[11] หรือ<b data-parsoid='{"dsr":[2683,2724,3,3]}'>เยื่อหุ้มสมอง (และไขสันหลัง) อักเสบ[12] (English: meningitis) เป็นภาวะที่มีการอักเสบของเยื่อที่อยู่รอบสมองและไขสันหลังซึ่งเรียกรวมว่าเยื่อหุ้มสมอง การอักเสบนี้อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือจุลชีพอื่นๆ และบางครั้งเกิดจากยาบางชนิด เป็นภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเนื่องจากเป็นการอักเสบที่อยู่ใกล้เนื้อสมองและไขสันหลัง ดังนั้นจึงเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ อาการที่พบบ่อยได้แก่อาการปวดศีรษะและคอแข็งเกร็งพร้อมกับมีไข้ สับสนหรือซึมลง อาเจียน ทนแสงจ้าหรือเสียงดังไม่ได้ บางครั้งอาจมีเพียงอาการแบบไม่จำเพาะเจาะจง เช่น อาการไม่สบายตัวหรือง่วงซึมได้โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หากมีผื่นร่วมด้วยอาจบ่งชี้ถึงสาเหตุเฉพาะบางอย่างของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เช่น เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย<i data-parsoid='{"dsr":[3532,3549,2,2]}'>เมนิงโกคอคคัส ซึ่งมีผื่นที่มีลักษณะเฉพาะ แพทย์อาจเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อวินิจฉัยหรือแยกโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำโดยใช้เข็มเจาะเข้าช่องสันหลังเพื่อนำเอาน้ำหล่อสมองไขสันหลังออกมาตรวจทางห้องปฏิบัติการ การรักษาโดยทั่วไปทำโดยให้ยาปฏิชีวนะอย่างทันท่วงที บางครั้งอาจมีการใช้ยาสเตียรอยด์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการอักเสบรุนแรง เยื่อหุ้มสมองอักเสบอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่รุนแรง เช่น หูหนวก โรคลมชัก โพรงสมองคั่งน้ำ และสติปัญญาเสื่อมถ่อย โดยเฉพาะหากรักษาไม่ทันท่วงที เยื่อหุ้มสมองอักเสบบางชนิดอาจสามารถป้องกันได้ด้วยการให้วัคซีน เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อเมนิงโกคอคคัส, ฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา ชนิดบี, นิวโมคอคคัส หรือไวรัสคางทูม เป็นต้น สาเหตุ เยื่อหุ้มสมองอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อไวรัส[13] แบคทีเรีย เชื้อรา และปรสิต ตามลำดับ[4] และยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การติดเชื้อได้ด้วย[4] แบคทีเรีย แบคทีเรียที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบนั้นแตกต่างออกไปตามช่วงอายุ ในทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปี เชื้อส่วนใหญ่เป็น สเตร็ปโตคอคคัส กลุ่ม B (ชนิดย่อยที่ 3 ซึ่งปกติอาศัยอยู่ในช่องคลอด) และเชื้อในทางเดินอาหาร เช่น เอสเคอริเชีย โคไล (ชนิดที่มีแอนติเจน K1) ลิสทีเรีย โมโนซัยโตจีเนส (ซีโรทัยป์ IVb) ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคในทารกแรกเกิดและเกิดการระบาดได้ เด็กโตขึ้นมาส่วนใหญ่ติดเชื้อ ไนซีเรีย เมนิงไจไทดิส (เมนิงโกคอคคัส), สเตรปโตคอคคัส...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตอบสนองแบบสู้หรือหนี เป็นปฏิกิริยาทางสรีรภาพที่เกิดขึ้นที่สมองใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การตอบสนองโดยสู้หรือหนี Article: การตอบสนองโดยสู้หรือหนี หรือ การตอบสนองแบบสู้หรือหนี (English: fight-or-flight response, hyperarousal, acute stress response) เป็นปฏิกิริยาทางสรีรภาพที่เกิดตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าเป็นอันตราย เสี่ยงต่อถูกทำร้าย หรือเสี่ยงต่อชีวิต[1] โดยมี ศ. นพ. วอลเตอร์ แบรดฟอร์ด แคนนอนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวถึงไอเดียนี้เป็นคนแรกในปี พ.ศ. 2472[2] ทฤษฎีของเขาแสดงว่า สัตว์ (และมนุษย์) มีปฏิกิริยาต่อภัยด้วยการทำงานในระบบประสาทซิมพาเทติก ซึ่งช่วยเตรียมสัตว์ให้สู้หรือหนี[3] โดยเฉพาะก็คือ สมองส่วน adrenal medulla ซึ่งเป็นส่วนของต่อมหมวกไตจะสร้างปฏิกิริยาลูกโซ่ทางฮอร์โมนมีผลเป็นการหลั่งสารประกอบอินทรีย์แบบโมโนอะมีนคือ catecholamines โดยเฉพาะนอร์เอพิเนฟรินและอีพิเนฟริน (คือ อะดรีนาลีน)[4] นอกจากนั้นแล้ว ฮอร์โมนเพศหญิงหลักคือเอสโตรเจน ฮอร์โมนเพศชายหลักคือเทสโทสเตอโรน และฮอร์โมนที่หลั่งเมื่อเครียดคือคอร์ติซอล กับทั้งสารสื่อประสาทโดพามีนและเซโรโทนิน ก็ยังมีอิทธิพลต่อการตอบสนองต่อความเครียดของสัตว์อีกด้วย[5] การตอบสนองเช่นนี้รู้แล้วว่าเป็นระยะแรกของกลุ่มอาการปรับตัวทั่วไป (General Adaptation Syndrome) ที่ควบคุมการตอบสนองต่อความเครียดของสัตว์มีกระดูกสันหลังและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ[6] สรีรวิทยา ระบบประสาทอิสระ ระบบประสาทอิสระเป็นระบบควบคุมที่ทำงานใต้จิตสำนึกและควบคุมอัตราหัวใจเต้น การย่อยอาหาร อัตราการหายใจ การตอบสนองของรูม่านตา การถ่ายปัสสาวะ และอารมณ์เพศ เป็นระบบหลักที่ควบคุมการตอบสนองแบบสู้หรือหนี ที่อำนวยโดยส่วนประกอบสองอย่าง[7] ดังที่จะกล่าวต่อไป ระบบประสาทซิมพาเทติก ระบบประสาทซิมพาเทติกเริ่มที่ไขสันหลังและทำหน้าที่หลักคือก่อความเปลี่ยนแปลงทางสรีรภาพที่เกิดขึ้นในช่วงการตอบสนองโดยสู้หรือหนี ส่วนประกอบของระบบประสาทนี้ ใช้สารสื่อประสาทและส่งสัญญาณให้ปล่อยสารสื่อประสาทนอร์เอพิเนฟรินในปฏิกิริยานี้[8] ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกเริ่มจากไขสันหลังและ medulla oblongata โดยทำงานร่วมกับระบบประสาทซิมพาเทติก และทำหน้าที่หลักคือก่อการตอบสนองแบบ "พักและย่อยอาหาร" แล้วคืนสภาพร่างกายไปสู่ภาวะธำรงดุลหลังจากตอบสนองแบบสู้หรือหนี ระบบนี้ใช้สารสื่อประสาทและส่งสัญญาณให้ปล่อยสารสื่อประสาท acetylcholine[8] ปฏิกิริยา ในสมอง ปฏิกิริยาเริ่มที่อะมิกดะลา...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตั้งถิ่นฐานในยุคแรกของเวสเทิร์นสะฮารา อยู่ในบริเวณใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เวสเทิร์นสะฮารา Article: Coordinates: เวสเทิร์นสะฮารา (English: Western Sahara; Arabic: الصحراء الغربية‎; เบอร์เบอร์: Taneẓroft Tutrimt; Spanish: Sáhara Occidental) เป็นดินแดนที่มีข้อพิพาทและถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโมร็อกโกในภูมิภาคมาเกร็บ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ทิศเหนือติดกับประเทศโมร็อกโก ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศแอลจีเรีย ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับประเทศมอริเตเนีย ส่วนทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก มีพื้นที่ประมาณ 266,000 ตารางกิโลเมตร (103,000 ตารางไมล์) เป็นหนึ่งในดินแดนที่มีประชากรเบาบางที่สุดในโลก เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบทะเลทราย มีประชากรประมาณ 500,000 คน[2] เกือบร้อยละ 40 อาศัยอยู่ที่เอลอาอายุน ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวสเทิร์นสะฮารา เวสเทิร์นสะฮาราถูกสเปนปกครองจนถึงปลายคริสตศวรรษที่ 20 หลังจากนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในรายชื่อดินแดนที่ไม่ได้ปกครองตนเองของสหประชาชาติตั้งแต่ปี 2506 เป็นต้นมา ซึ่งเกิดจากข้อเรียกร้องของโมร็อกโก[3] เป็นดินแดนที่มีประชากรและพื้นที่มากที่สุดที่อยู่ในรายชื่อนี้ ในปี 2508 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้มีมติครั้งแรกเกี่ยวกับเวสเทิร์นสะฮารา ในการขอให้สเปนให้เอกราชแก่ดินแดนนี้[4] หนึ่งปีต่อมามติใหม่ได้รับการรับรองจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเพื่อขอให้มีการลงประชามติโดยสเปนเกี่ยวกับการตัดสินใจด้วยตนเอง[5] ในปี 2518 สเปนได้ยกเลิกการบริหารจัดการดินแดนนี้ไปสู่การจัดการบริหารร่วมโดยโมร็อกโก (ซึ่งได้เรียกร้องสิทธิเหนือดินแดนนี้มาตั้งแต่ปี 2500)[6]และมอริเตเนีย[5] สงครามปะทุขึ้นระหว่างประเทศเหล่านี้กับขบวนการชาตินิยมซาห์ราวี แนวร่วมโปลีซารีโอซึ่งได้ประกาศให้ดินแดนนี้กลายเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวีมีรัฐบาลพลัดถิ่นอยู่ในทินดูฟ แอลจีเรีย ต่อมา มอริเตเนียได้ถอนการอ้างสิทธิเหนือดินแดนในปี 2522 และในที่สุดโมร็อกโกก็ได้ควบคุมดินแดนส่วนใหญ่รวมทั้งเมืองสำคัญและทรัพยากรธรรมชาติ องค์การสหประชาชาติพิจารณาว่าแนวร่วมโปลีซารีโอเป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายของชาวซาห์ราวีและยืนยันว่าชาวซาห์ราวีมีสิทธิในการกำหนดการปกครองด้วยตนเอง[7] ในปี 2560 ไม่มีรัฐสมาชิกสหประชาชาติใดให้การยอมรับอำนาจอธิปไตยของโมร็อกโกเหนือดินแดนเวสเทิร์นสะฮารา[8][9][10] อย่างไรก็ตาม...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตั้งโต๊ะเครื่องบูชาแบบไทยมีชิ้นกำหนดกี่ชิ้น?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เครื่องโต๊ะ Article: เครื่องโต๊ะ เป็นการตั้งโต๊ะเครื่องบูชาอย่างไทย ที่ตั้งแต่งด้วยเครื่องกระเบื้องจีน โดยมีลักษณะมาจากโต๊ะที่แต่งบูชาแบบจีน แต่กำหนดรูปลักษณ์ใหม่ตามความนิยมอย่างไทย ประวัติ เครื่องโต๊ะ เป็นเครื่องบูชาของไทยที่เอามาจากจีน น่าจะเข้ามาในไทยเมื่อ พ.ศ. 2361 สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเมื่อกำลังสร้างสวนขวาในพระบรมมหาราชวังราชทูตไทยกลับมาจากจีนได้เห็นการตกแต่งวังและบ้านด้วยเครื่องลายคราม จึงนำมาเป็นแบบแผนในการตกแต่งพระตำหนักในสวนขวาสันนิฐานว่าการตกแต่งนั้นเหมือนกับภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดราชโอรสกับวัดกัลยาณมิตร ตั้งแต่นั้นตามบ้านของขุนนางและเจ้านายเริ่มมีการตกแต่งด้วยเครื่องบูชาอย่างจีน และเริ่มมีการตั้งโต๊ะประกวดกันเมื่อมีการจัดเครื่องโต๊ะไปฉลองพระอารามที่ได้ปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาการตั้งโต๊ะได้รับความนิยมมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ากันว่าการไปรวมกันตั้งโต๊ะในยุคนี้ตั้งที่ไหนก็ไม่สนุกเท่าที่บ้านของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ถ้าใครได้เครื่องลายครามเป็นของดีไปตั้งก็เอาแพรแดงผูกทำขวัญ เป็นจุดเริ่มต้นของการให้รางวัลเครื่องโต๊ะในเวลาต่อมา เมื่อการเล่นเครื่องโต๊ะได้รับความนิยมมาก พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก)จึงทูลขอพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ให้ทำแบบอย่างเครื่องโต๊ะ สั่งไปทำที่เมืองจีนแล้วเอามาขายในเมืองไทย เป็นเครื่องโต๊ะสำเร็จรูป ยี่ห้อกิมตึ๋งฮกกี่ (金堂福記) เรียกว่า โต๊ะกิมตึ๋ง ชุดละ240บาท ตั้งแต่นั้นการตั้งเครื่องโต๊ะก็ซาลง เพราะคนเล่นรังเกียจว่าเป็นของหาง่าย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการหาเครื่องลายครามให้เข้าชุดลายกัน แต่ได้กลับมานิยมอีกครั้งในพ.ศ. 2430 เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรวบรวมเครื่องถ้วยชามลายผักกาดของสมัยรัชกาลที่2 เข้าจัดเป็นโต๊ะเดียวกัน แล้วตั้งเครื่องโต๊ะลายมังกร5เล็บอีกโต๊ะ ตั้งโต๊ะครั้งแรกที่งานฉลองหอพระสมุดวชิรญาณตั้งแต่นั้นมาขุนนางและเจ้านายก็เริ่มนิยมเล่นเครื่องโต๊ะใหม่อีกรอบ กล่าวกันว่างานพระเมรุพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี ภัทรวดีราชธิดาเป็นงานประกวดตั้งเครื่องโต๊ะใหญ่ที่สุด[1] การตั้งโต๊ะ คนที่จะเล่นเครื่องโต๊ะ ต้องหาชิ้นที่กำหนดไว้สำหรับตั้งโต๊ะให้ครบก่อน มี8ชิ้นคือ ลับแล ขวดใหญ่ปักดอกไม้ กระถางธูปใน กระบอกปักธูป กระถางหน้า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตั้งโต๊ะเครื่องบูชาแบบไทยเริ่มต้นเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เครื่องโต๊ะ Article: เครื่องโต๊ะ เป็นการตั้งโต๊ะเครื่องบูชาอย่างไทย ที่ตั้งแต่งด้วยเครื่องกระเบื้องจีน โดยมีลักษณะมาจากโต๊ะที่แต่งบูชาแบบจีน แต่กำหนดรูปลักษณ์ใหม่ตามความนิยมอย่างไทย ประวัติ เครื่องโต๊ะ เป็นเครื่องบูชาของไทยที่เอามาจากจีน น่าจะเข้ามาในไทยเมื่อ พ.ศ. 2361 สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเมื่อกำลังสร้างสวนขวาในพระบรมมหาราชวังราชทูตไทยกลับมาจากจีนได้เห็นการตกแต่งวังและบ้านด้วยเครื่องลายคราม จึงนำมาเป็นแบบแผนในการตกแต่งพระตำหนักในสวนขวาสันนิฐานว่าการตกแต่งนั้นเหมือนกับภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดราชโอรสกับวัดกัลยาณมิตร ตั้งแต่นั้นตามบ้านของขุนนางและเจ้านายเริ่มมีการตกแต่งด้วยเครื่องบูชาอย่างจีน และเริ่มมีการตั้งโต๊ะประกวดกันเมื่อมีการจัดเครื่องโต๊ะไปฉลองพระอารามที่ได้ปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาการตั้งโต๊ะได้รับความนิยมมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ากันว่าการไปรวมกันตั้งโต๊ะในยุคนี้ตั้งที่ไหนก็ไม่สนุกเท่าที่บ้านของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ถ้าใครได้เครื่องลายครามเป็นของดีไปตั้งก็เอาแพรแดงผูกทำขวัญ เป็นจุดเริ่มต้นของการให้รางวัลเครื่องโต๊ะในเวลาต่อมา เมื่อการเล่นเครื่องโต๊ะได้รับความนิยมมาก พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก)จึงทูลขอพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ให้ทำแบบอย่างเครื่องโต๊ะ สั่งไปทำที่เมืองจีนแล้วเอามาขายในเมืองไทย เป็นเครื่องโต๊ะสำเร็จรูป ยี่ห้อกิมตึ๋งฮกกี่ (金堂福記) เรียกว่า โต๊ะกิมตึ๋ง ชุดละ240บาท ตั้งแต่นั้นการตั้งเครื่องโต๊ะก็ซาลง เพราะคนเล่นรังเกียจว่าเป็นของหาง่าย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการหาเครื่องลายครามให้เข้าชุดลายกัน แต่ได้กลับมานิยมอีกครั้งในพ.ศ. 2430 เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรวบรวมเครื่องถ้วยชามลายผักกาดของสมัยรัชกาลที่2 เข้าจัดเป็นโต๊ะเดียวกัน แล้วตั้งเครื่องโต๊ะลายมังกร5เล็บอีกโต๊ะ ตั้งโต๊ะครั้งแรกที่งานฉลองหอพระสมุดวชิรญาณตั้งแต่นั้นมาขุนนางและเจ้านายก็เริ่มนิยมเล่นเครื่องโต๊ะใหม่อีกรอบ กล่าวกันว่างานพระเมรุพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี ภัทรวดีราชธิดาเป็นงานประกวดตั้งเครื่องโต๊ะใหญ่ที่สุด[1] การตั้งโต๊ะ คนที่จะเล่นเครื่องโต๊ะ ต้องหาชิ้นที่กำหนดไว้สำหรับตั้งโต๊ะให้ครบก่อน มี8ชิ้นคือ ลับแล ขวดใหญ่ปักดอกไม้ กระถางธูปใน กระบอกปักธูป กระถางหน้า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตากฝนทำให้เกิดไข้ใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ฝนกรด Article: ฝนกรด (English: acid rain) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันเกิดเนื่องมาจากมลภาวะทางอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดมาจากการกระบวนการผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรมทั่วไปของมนุษย์ โดยฝนกรดก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ต่อสภาพแวดล้อมมากมาย ฝนกรดเป็นผลมาจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulfur dioxide: SO2) และไนโตรเจนออกไซด์ (nitrogen oxide: NO) โดยก๊าซทั้งสองชนิดนี้มักจะเกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน ก๊าซทั้งสองชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับน้ำ (water: H2O) และสารเคมีอื่น ๆ ในชั้นบรรยากาศเพื่อก่อให้เกิดกรดซัลฟิวริก (sulfuric acid: H2SO4) , กรดไนตริก (nitric acid: HNO3) และสารมลพิษอื่น ๆ ก๊าซเหล่านี้มักจะทำปฏิกิริยากับสารเคมีจะส่งผลทำให้อากาศอบอ้าวอากาศร้อนชื้นทำให้เกิดมลพิษทางอากาศเมื่อไปโดนกับออกซิเจนอาจถูกกระแสลมพัดพาไปหลายร้อยกิโลเมตร และมักจะกลับสู่พื้นโลกโดยฝน หิมะ หมอก หรือแม้แต่ในรูปฝุ่นผงละออง ความเสียหายอันเกิดมาจากฝนกรดได้แพร่ขยายไปทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฝนกรดจะละลายปุ๋ยในดิน ทำให้พืชเติบโตช้า เมื่อไหลลงแหล่งน้ำ ก็จะทำให้แหล่งน้ำนั้น ๆ ไม่เอื้ออำนวยให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ หรือแม้แต่ในเมืองเอง ฝนกรดก็ก่อให้เกิดปัญหากับสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ หรืออาจจะจับตัวรวมกับหมอกก่อให้เกิดหมอกควันพิษ (smog) ที่ทำอันตรายกับระบบทางเดินหายใจ และอาจรุนแรงถึงชีวิตได้หากมีมากถึงระดับหนึ่ง ผลกระทบและประโยชน์ของฝนกรด ฝนกรดจะทำปฏิกิริยาเคมีกับวัตถุใด ๆ ที่มันสัมผัส กรดคือสารเคมีใดๆ ที่ทำปฏิกิริยากับสารอื่น ๆ โดยจะจ่ายอะตอมไฮโดรเจน (hydrogen: H) ออกไป ความเป็นกรดของสารใด ๆ เกิดจากการที่มีอะตอมไฮโดรเจนอิสระมากมายเกิดขึ้นจากการละลายสารนั้น ๆ ในน้ำ การวัดค่าสารที่เป็นกรดเราใช้มาตรา pH เป็นหน่วยในการวัด โดยจะมีค่าเป็นไปได้ตั้งแต่ 0 ถึง 14 การที่สารใด ๆ นั้นจะเป็นกรดได้ นั้นหมายถึงสารนั้น ๆ จะต้องมีค่า pH ตั้งแต่ 1 ถึง 6 โดยค่ายิ่งน้อยเท่าไหร่ หมายถึงยิ่งเป็นกรดแก่มากเท่านั้น ในทางกลับกัน สารที่มีค่า pH ตั้งแต่ 8 ถึง 14 เราจะเรียกว่าเบส (bases หรือ alkalis) โดยสารเหล่านี้จะทำการรับอะตอมไฮโดรเจนแทน น้ำแล้วมีค่า pH เป็น 7 กล่าวคือไม่ได้เป็นกรด และเป็นเบส เราเรียกสารแบบนี้ว่า สารที่เป็นกลาง โดยทั่วไปแล้วถ้าฝน หิมะ หรือหมอกที่มีค่า pH น้อยกว่า 5.6 เราจะถือว่าฝน หิมะ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ มักพบในผู้หญิงหรือชาย ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ Article: การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTI) เป็น การติดเชื้อ จากแบคทีเรีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อส่วนของ ทางเดินปัสสาวะ หากติดเชื้อที่บริเวณทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง จะถือว่าเป็น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (การติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ) ทั่วๆ ไป ในขณะที่หากติดเชื้อที่บริเวณทางเดินปัสสาวะส่วนบน จะถือว่าเป็น โรคกรวยไตอักเสบ (การติดเชื้อที่ไต) อาการของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะส่วนล่างคือ รู้สึกเจ็บปวดขณะที่ ปัสสาวะ และถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้งหรือจำเป็นต้องปัสสาวะทันที (หรือทั้งคู่) ในขณะที่อาการที่เกิดจากโรคกรวยไตอักเสบนั้น นอกจากจะเหมือนกับที่พบในทางเดินปัสสาวะส่วนล่างแล้ว ผู้ป่วยยัง มีไข้ และ เจ็บที่บริเวณข้างลำตัว เพิ่มเติมอีกด้วย ในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้เยาว์ อาการอาจไม่ชัดเจนและเจาะจงประเภทไม่ได้ แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อทั้งสองประเภทคือ Escherichia coli แต่แบคทีเรีย ไวรัสหรือ เชื้อรา อื่นอาจเป็นสาเหตุได้เช่นกัน แม้ไม่บ่อยก็ตาม การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะมักจะเกิดในกลุ่มประชากรหญิงมากกว่าประชากรชาย ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้หญิงทั้งหมดมักจะติดเชื้ออย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต และมักจะมีอาการซ้ำอีก ปัจจัยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้แก่ สรีระของสตรี การมีเพศสัมพันธ์ และประวัติการติดเชื้อภายในครอบครัว ปกติแล้ว โรคกรวยไตอักเสบมักจะเกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ แต่อาจมีสาเหตุมาจาก การติดเชื้อทางเลือด ได้เช่นกัน การวินิจฉัยโรคในกลุ่มหญิงสาวสุขภาพแข็งแรงสามารถใช้อาการป่วยเป็นข้อมูลอ้างอิงเดียวได้ แต่หากผู้ป่วยมีอาการไม่ชัดเจน การวินิจฉัยโรคอาจเป็นไปได้ยาก เพราะแบคทีเรียที่พบอาจไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ ในกรณีที่ซับซ้อนหรือบำบัดรักษาได้ไม่สำเร็จ การเพาะเชื้อจากปัสสาวะ อาจเป็นทางเลือกที่เป็นประโยขน์ สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อบ่อย การบำบัดด้วย ยาปฏิชีวนะ ในปริมาณต่ำอาจใช้เป็นวิธีการป้องกันอย่างหนึ่งได้ ในกรณีที่ไม่ซับซ้อน การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะอาจรักษาได้ง่ายด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ถึงแม้ว่าอัตราอาการดื้อยา ต่อยาหลากชนิดที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยนี้จะเพิ่มขึ้นก็ตาม ในกรณีซับซ้อน ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานขึ้นหรือต้องฉีดยาเข้าเส้นเลือด และถ้าหากอาการไม่ทุเลาขึ้นภายในเวลา 2-3 วัน อาจต้องมีการทดสอบวินิจฉัยเพิ่มเติม ในหมู่ประชากรหญิง...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การตีพิมพ์คือการพิมพ์ข้อความใช่หรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การพิมพ์ Article: การพิมพ์ (English: Printing; French: Imprimerie) คือการผลิตสำเนาข้อความและภาพลงบนวัสดุที่ต้องการพิมพ์ เช่น กระดาษ ผ้า ตามความหมายในพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 คือ การทำให้เป็นตัวหนังสือหรือรูปรอยอย่างใด ๆ โดยการกด หรือ การใช้พิมพ์หิน เครื่องกล วิธีเคมี หรือวิธีอื่นใดให้เกิดเป็นสื่อพิมพ์ขึ้นหลายสำเนา[1] จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ศิลปะของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งปรากฏอยู่บนผนังถ้ำลาสควักซ์ ในฝรั่งเศส และถ้ำอัลตามิรา ในสเปน นอกจากปรากฏผลงานด้านจิตรกรรมที่มีคุณค่าด้านความงามของมนุษยชาติ ในช่วงประมาณ 17,000-12,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว ยังปรากฏผลงานแกะสลักหิน แกะสลักผนังถ้ำเป็นรูปสัตว์ลายเส้นซึ่งการแกะสลักภาพลายเส้นบนผนังถ้ำนั้น อาจนับได้ว่าเป็นพยานหลักฐานในการแกะแบบพิมพ์ของมนุษย์เป็นครั้งแรกก็ได้ เท่าที่ทราบกันในปัจจุบัน รูปแบบการพิมพ์บนกระดาษเริ่มแรกสุด คือ การพิมพ์บล็อกไม้ (woodblock printing) โดยเริ่มขึ้นในประเทศจีนราวปี ค.ศ. 220[2] จีนเป็นชาติแรกที่พัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยตัวเรียง (movable type) ขึ้นใช้ โดยมี ปี่ เฉิง เป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1040[3] และแพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออก ต่อมาในศตวรรษที่ 15 โยฮันเนส กูเต็นเบิร์ก สามารถประดิษฐ์เทคโนโลยีแท่นพิมพ์ (printing press) ที่ใช้กับตัวเรียงพิมพ์โลหะได้สำเร็จ เทคโนโลยีแท่นพิมพ์ของกูเต็นเบิร์กนับเป็นการปฏิวัติทางความรู้ที่สำคัญที่สุดในรอบพันปีที่สองของคริสต์ศักราช การพิมพ์ทำให้หนังสือผลิตได้จำนวนมากขึ้นและราคาถูกลง เมื่อเทียบกับหนังสือต้นฉบับบตัวเขียน (manuscript) ที่ต้องใช้เวลาและความอดทนของเสมียนหรืออาลักษณ์ ในการผลิดขึ้นมาแต่ละเล่ม เทคโนโลยีการพิมพ์มีบทบาทสำคัญในการนำสังคมตะวันตกเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรม และการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ และเป็นการปูความพร้อมทางวัตถุให้กับเศรษฐกิจฐานความรู้ในยุคสมัยใหม่ โดยเป็นเงื่อนไขสำคัญในการแพร่กระจายความรู้สู่สาธารณะ[4] ประวัติศาสตร์การพิมพ์ การพิมพ์บล็อกไม้ เทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยตัวเรียง การพิมพ์ด้วยตัวเรียง (movable type) เป็นระบบการพิมพ์ และการเรียงพิมพ์ ที่ใช้ตัวเรียงพิมพ์โลหะแบบถอดได้ ทำจากแท่งโลหะที่หล่อขึ้นจากแม่พิมพ์ (matrix) แล้วตีตัวอักษรลงไป การพิมพ์ด้วยตัวเรียงทำให้การจัดทำหนังสือมีความยืดหยุ่นมากกว่าการคัดลอกด้วยมือ หรือการพิมพ์แบบบล็อกไม้ ราว ค.ศ. 1040...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การต่อสู้ของขบวนการเอกราชอัสซีเรียเริ่มตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่เท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สงครามโลกครั้งที่สอง Article: สงครามโลกครั้งที่สอง (English: World War II หรือ Second World War[note 1]; มักย่อเป็น WWII หรือ WW2) เป็นสงครามทั่วโลกกินเวลาตั้งแต่ปี 1939 ถึง 1945 ประเทศส่วนใหญ่ในโลกมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด แบ่งเป็นพันธมิตรทางทหารคู่สงครามสองฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ เป็นสงครามที่กว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์ มีทหารกว่า 100 ล้านนายจากกว่า 30 ประเทศเข้าร่วมโดยตรง สงครามนี้มีลักษณะเป็น "สงครามเบ็ดเสร็จ" คือ ประเทศผู้ร่วมสงครามหลักทุ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ทั้งหมดเพื่อความพยายามของสงคราม โดยลบเส้นแบ่งระหว่างทรัพยากรของพลเรือนและทหาร ประเมินกันว่าสงครามมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] ประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่าง 50 ถึง 85 ล้านคน ด้วยประการทั้งปวง สงครามโลกครั้งที่สองจึงนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินทุนมากที่สุด[4] และมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ[5] จักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งมีเป้าหมายครอบงำทวีปเอเชียและแปซิฟิกและทำสงครามกับจีนมาตั้งแต่ปี 1937 แล้ว แต่โดยทั่วไปถือว่าสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มตั้งแต่การบุกครองโปแลนด์ของเยอรมนีในวันที่ 1 กันยายน 1939 นำไปสู่การประกาศสงครามต่อเยอรมนีของประเทศฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ตั้งแต่ปลายปี 1939 ถึงต้นปี 1941 ในการทัพและสนธิสัญญาต่าง ๆ ประเทศเยอรมนีพิชิตหรือควบคุมยุโรปภาคพื้นทวีปได้ส่วนใหญ่ และตั้งพันธมิตรอักษะกับอิตาลีและญี่ปุ่น ภายใต้สนธิสัญญาโมโลตอฟ–ริบเบนทรอพเมื่อเดือนสิงหาคม 1939 เยอรมนีและสหภาพโซเวียตแบ่งแลผนวกดินแดนประเทศเพื่อนบ้านยุโรปของตน ได้แก่ โปแลนด์ ฟินแลนด์ โรมาเนียและรัฐบอลติก สงครามดำเนินต่อส่วนใหญ่ระหว่างชาติฝ่ายอักษะยุโรปและแนวร่วมสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพบริติช โดยมีการทัพอย่างการทัพแอฟริกาเหนือและแอฟริกาตะวันออก ยุทธการที่บริเตนซึ่งเป็นการสู้รบทางอากาศ การทัพทิ้งระเบิดเดอะบลิตซ์ การทัพบอลข่าน ตลอดจนยุทธการที่แอตแลนติกที่ยืดเยื้อ ในเดือนมิถุนายน 1941 ชาติอักษะยุโรปบุกครองสหภาพโซเวียต เปิดฉากเขตสงครามภาคพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้กำลังทหารสำคัญของฝ่ายอักษะตกอยู่ในสงครามบั่นทอนกำลัง ในเดือนธันวาคม 1941 ญี่ปุ่นโจมตีสหรัฐและอาณานิคมยุโรปในมหาสมุทรแปซิฟิก และพิชิตมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกส่วนมากได้อย่างรวดเร็ว การรุกของฝ่ายอักษะยุติลงในปี 1942...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การต่อสู้แนวเคนโด้ คือการต่อสู้แบบใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ศิลปะการต่อสู้ Article: ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว (English: Martial arts) คือ ศาสตร์แขนงหนึ่งที่เน้นการเรียนและฝึกฝนด้านการต่อสู้และการป้องกันตัว ในปัจจุบันได้มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย ทั้งในเชิงด้านการกีฬา เพื่อฝึกฝนร่างกายให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง หรือแม้กระทั่งฝึกฝนจิตใจ ภาพยนตร์หลายหลายเรื่องได้มีการนำศิลปะป้องกันตัวไปใช้ เช่น องค์บาก ที่นำมวยไทยมาใช้เป็นโครงเรื่องหลัก หรือภาพยนตร์จากฮอลลีวูด โดยมีนักแสดงเช่น เฉินหลง บรูซ ลี เจ็ท ลี ศิลปะป้องกันตัวอาจเป็นกลุ่มได้ตามลักษณะการต่อสู้ เช่น การฟาด เช่น มวย กังฟู การเตะ เช่น มวยไทย เทควันโด้ การเหวี่ยงทุ่ม เช่น ยูโด มวยปล้ำ ไอคิโด้ ฮับกิโด การใช้อาวุธ เช่น เคนโด้ กระบี่กระบอง การฟันดาบ อิไอโด การล็อก เช่น ยูยิสสู ศิลปะการต่อสู้ปัจจุบันมักถูกแบ่งเป็นสองประเภท ศิลปะการต่อสู้แบบกีฬา นอกจากจะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวมักถูกลดความรุนแรงลง และปรับปรุงเป็นกีฬา มีกติกาเพื่อใช้ในการแข่งขัน เช่น คาราเต้ มวย เทควันโด้ เคนโด้ กังฟู โววีนัม ศิลปะการต่อสู้ที่ยึดตามแบบแผนเดิม ถูกสอนโดยยึดถือแบบแผนเดิมจากอดีต ไม่มีการแข่งขัน จะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวเท่านั้น เช่น มวยไทยโบราณ ไอคิโด้ นินจุตสุ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของไทย การสงครามในสมัยก่อนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทย บรรพบุรูษไทยแต่โบราณจำเป็นต้องปกป้องบ้านเมืองจากชาติอื่น ๆ ที่มารุกราน ศิลปะการต่อสู้ของไทยที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ มวยไทย กระบี่กระบอง การเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวในสมัยก่อนนั้นนิยมเรียนกันตามสำนักต่าง ๆ ซึ่งนิยมสอนการต่อสู้หลายแขนงเช่น มวยไทย, การใช้มีดสั้น, และ กระบี่กระบอง สำนักที่สอนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวยังแบ่งได้อีกเป็นสองแขนงคือ สำนักหลวงและสำนักราษฐ์ หมวดหมู่:กีฬา หมวดหมู่:ศิลปะการแสดง
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การต่อสู้แนวเคนโด้ คือการต่อสู้แบบใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ศิลปะการต่อสู้แบบผสม Article: ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม (English: Mixed martial art; MMA) คือ การต่อสู้ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น มวยไทย มวยสากล ยูโด มวยปล้ำ คาราเต้ แซมโบ บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู มีทั้งการเตะต่อย และการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสมผสานครั้งแรกที่ถ่ายทอดผ่านทีวีคือรายการ อัลติเมท ไฟต์ติง แชมเปียนชิพ (Ultimate Fighting Championship) ครั้งที่ 1 ใน ค.ศ.1993 ในตอนนั้นยังไม่กฎกติกาอะไรมากนัก ก่อนมีการปรับเปลี่ยนกฎกติกาต่าง ๆ ให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการกีฬา ฮอยส์ เกรซี่ ซึ่งเป็นแชมป์คนแรกของรายการ UFC เป็นนักสู้ชาวบราซิล จูจิสสึ (BJJ) ประวัติ กฎกติกา ยุคแรก กฎติกาของศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสมผสานในตอนยุคแรกๆ ใน UFC ครั้งช่วงแรก รูปการต่อสู้ที่ไม่ตายตัวไม่มีกฎกติกา แต่มีการห้ามจิ้มตา และห้ามเตะเป้าในการแข่งเป็นแพ้คัดออก ใครชนะเข้ารอบ แข่งขันวันเดียวจบ แพ้ชนะอยู่ที่การน็อกคู่ต่อสู้ ทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ และกรรมการในเวทีสั่งยุติการแข่ง ยุคปัจจุบัน กติกาการแข่งขันได้มีการพัฒนาขึ้น มีแข่งขันตามน้ำหนัก ผู้เข้าแข่งขันต้องมีการใส่ถุงมือนวม ใส่ฟันยาง มีการพักยก แพทย์สนามสั่งยุติแบบการแข่งขันมวย ซึ่งการแข่งขันในแต่ละรายการต่างๆ กฎกติกาจะคล้ายๆกัน บางที่สามารถให้กระทืบคู่ต่อสูได้ เช่น รายการ Pride Fighting Championship ของประเทศญี่ปุ่น แต่ตอนนี้โดนยุบไปแล้วเพราะข่าวลือที่ว่า Pride FC ค้างเงินของพวกยากูซ่า การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม สหรัฐอเมริกา: UFC, Strikeforce, King of the cage, Gladiator Challenge, World Extreme Cagefighting (WEC) รัสเซีย: M-1 บราซิล: Valetudo อังกฤษ: WOC ฮังการี: Totallfight ออสเตรเลีย: CFC ญี่ปุ่น: Shooto, Pancrase, Deep, Pride, Dream, Sengoku เกาหลี: Spirit MC, Moosin จีน: Art of War ไต้หวัน:Ming Wu, Pro Fighting ฮ่องกง: Legend อินโดนีเซีย: TPI FC ฟิลิปปินส์: FFC, URCC, UFX, Fight League Philippines สิงคโปร์: Martial Combat, ONE ไทย: NAKSU อ้างอิง CS1 maint: multiple names: authors list (link) CS1 maint: multiple names: authors list (link) Body weight exercises. Retrieved 2010-04-29. line feed character in |accessdate= at position 11 (help); Check date values in: |accessdate=...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การถ่ายโอนข้อมูลสารสนเทศ คืออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การสื่อสารไร้สาย Article: การสื่อสารไร้สาย (English: Wireless communication) หมายถึงการถ่ายโอนข้อมูลสารสนเทศระหว่างจุดสองจุดหรือมากกว่า โดยไม่ได้เชื่อมต่อกันด้วยตัวนำไฟฟ้า เทคโนโลยีไร้สายที่พบมากที่สุดใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่นคลื่นวิทยุ ซึ่งอาจใช้ในระยะทางสั้นๆไม่กี่เมตรสำหรับโทรทัศน์ หรือไกลเป็นล้านกิโลเมตรลึกเข้าไปในอวกาศสำหรับวิทยุ การสื่อสารไร้สายรวมถึงหลากหลายชนิดของการใช้งานอยู่กับที่, เคลื่อนที่และแบบพกพา ได้แก่ วิทยุสองทาง, โทรศัพท์มือถือ, ผู้ช่วยดิจิตอลส่วนตัว (personal digital assistants หรือ PDAs) และเครือข่ายไร้สาย ตัวอย่างอื่น ๆ ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีวิทยุไร้สายรวมถึง GPS, รีโมตประตูโรงรถ เม้าส์คอมพิวเตอร์ไร้สาย, แป้นพิมพ์และชุดหูฟังไร้สาย, หูฟังไร้สาย, เครื่องรับวิทยุไร้สาย, โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไร้สาย, เครื่องรับโทรทัศน์ทั่วไปและโทรศัพท์บ้านไร้สาย วิธีการอื่นของการสื่อสารไร้สายที่ไม่ได้ใช้คลื่นวิทยุได้แก่ การใช้แสง, เสียง, สนามแม่เหล็กหรือสนามไฟฟ้า บทนำ การสื่อสารไร้สายทำให้เกิดบริการเช่นการสื่อสารระยะไกลซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยหรือทำไม่ได้ในทางปฏิบัติที่จะดำเนินการแบบใช้สาย คำว่าการสื่อสารไร้สายถูกใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่จะอ้างถึงระบบการสื่อสารโทรคมนาคม (เช่นเครื่องส่งและเครื่องรับสัญญาณวิทยุ, การควบคุมระยะไกล ฯลฯ ) ที่ใช้รูปแบบหนึ่งของพลังงาน (เช่นคลื่นวิทยุ, พลังงานอะคูสติก ฯลฯ ) ในการถ่ายโอนข้อมูลโดยไม่ต้องใช้สาย. ข้อมูลจะถูกถ่ายโอนในลักษณะนี้ทั้งในระยะทางสั้นและระยะทางไกล บริการไร้สาย ตัวอย่างทั่วไปของอุปกรณ์ไร้สายได้แก่: การควบคุมระบบโทรมาตรและระบบการควบคุมการจราจร อุปกรณ์ควบคุมระยะไกลด้วยอินฟราเรดและอัลตราโซนิก วิทยุเคลื่อนที่ภาคพื้นมืออาชีพ LMR (Land Mobile Radio) และ วิทยุมือถือเฉพาะกิจ SMR (Specialized Mobile Radio) ที่ใช้โดยทั่วไปในธุรกิจ, อุตสาหกรรมและหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะ วิทยุสองทางผู้บริโภครวมทั้ง FRS (Family Radio Service) GMRS (General Mobile Radio Service) และวิทยุ Citizens band ("CB") วิทยุสมัครเล่น (แฮมวิทยุ) วิทยุ VHF สำหรับผู้บริโภคและมืออาชีพทางทะเล อุปกรณ์ Airband และวิทยุนำทางที่ใช้โดยนักบินและการควบคุมการจราจรทางอากาศ โทรศัพท์มือถือและวิทยุติดตามตัว: ให้การเชื่อมต่อสำหรับการใช้งานแบบพกพาและโทรศัพท์มือถือทั้งในส่วนบุคคลและธุรกิจ ระบบ Global Positioning System (GPS):...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทดลองของทฤษฎีJoint European Torusประสบความสำเร็จครั้งแรกเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ภัยพิบัติเชียร์โนบีล Article: ภัยพิบัติเชียร์โนบีล[1] ([Чорнобильська катастрофа, Čornobyľśka katastrofa]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help); English: Chernobyl disaster) เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ตั้งอยู่ที่นิคมเชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียต แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,431 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหนึ่งในสองครั้งที่ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ อีกครั้งหนึ่งเป็นของภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในปี 2011[2] สงครามเพื่อต่อสู้กับการปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียมากไปกว่านี้เกี่ยวข้องกับคนงานทั้งทหารและพลเรือนกว่า 500,000 คนและค่าใช้จ่ายประมาณ 18 พันล้านรูเบิ้ล[3] ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีผู้เสียชีวิตทันที่ 31 ราย และผลกระทบระยะยาวเช่นมะเร็งอยู่ระหว่างการสืบสวน มีการประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน [4] ภาพรวม ภัยพิบัติเริ่มในช่วงการทดสอบระบบในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 1986 ที่เครื่องปฏิกรณ์หมายเลขสี่ของโรงไฟฟ้าเชียร์โนบีล มีพลังงานกระชาก (English: power surge) ที่ฉับพลันและไม่คาดคิด และเมื่อมีความพยายามที่จะปิดแบบฉุกเฉิน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทดลองทางความคิดที่มีชื่อเริ่มจากคริสตวรรษที่เท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: กาลิเลโอ กาลิเลอี Article: กาลิเลโอ กาลิเลอี (Italian: Galileo Galilei; 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 - 8 มกราคม ค.ศ. 1642) เป็นชาวทัสกันหรือชาวอิตาลี ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ผลงานของกาลิเลโอมีมากมาย งานที่โดดเด่นเช่นการพัฒนาเทคนิคของกล้องโทรทรรศน์และผลสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ที่สำคัญจากกล้องโทรทรรศน์ที่พัฒนามากขึ้น งานของเขาช่วยสนับสนุนแนวคิดของโคเปอร์นิคัสอย่างชัดเจนที่สุด กาลิเลโอได้รับขนานนามว่าเป็น "บิดาแห่งดาราศาสตร์สมัยใหม่"[1] "บิดาแห่งฟิสิกส์สมัยใหม่"[2] "บิดาแห่งวิทยาศาสตร์"[2] และ "บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่"[3] การศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีความเร่งคงที่ ซึ่งสอนกันอยู่ทั่วไปในระดับมัธยมศึกษาและเป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาฟิสิกส์ก็เป็นผลงานของกาลิเลโอ รู้จักกันในเวลาต่อมาในฐานะวิชาจลนศาสตร์ งานศึกษาด้านดาราศาสตร์ที่สำคัญของกาลิเลโอได้แก่ การใช้กล้องโทรทรรศน์สังเกตการณ์คาบปรากฏของดาวศุกร์ การค้นพบดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี ซึ่งต่อมาตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่เขาว่า ดวงจันทร์กาลิเลียน รวมถึงการสังเกตการณ์และการตีความจากการพบจุดดับบนดวงอาทิตย์ กาลิเลโอยังมีผลงานด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ซึ่งช่วยพัฒนาการออกแบบเข็มทิศอีกด้วย การที่ผลงานของกาลิเลโอสนับสนุนแนวคิดของโคเปอร์นิคัสกลายเป็นต้นเหตุของการถกเถียงหลายต่อหลายครั้งในชีวิตของเขา เพราะแนวคิดเรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลนั้นเป็นแนวคิดหลักมานานแสนนานนับแต่ยุคของอาริสโตเติล การเปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาลโดยมีข้อมูลสังเกตการณ์ทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนจากกาลิเลโอช่วยสนับสนุน ทำให้คริสตจักรโรมันคาทอลิกต้องออกกฎให้แนวคิดเช่นนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะขัดแย้งกับการตีความตามพระคัมภีร์[4] กาลิเลโอถูกบังคับให้ปฏิเสธความเชื่อเรื่องดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในบ้านกักตัวในความควบคุมของศาลศาสนาโรมัน ประวัติ เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 ที่เมืองปิซา ประเทศอิตาลี เป็นบุตรคนโตในจำนวนบุตร 6 คนของวินเชนโซ กาลิเลอี นักดนตรีลูทผู้มีชื่อเสียง มารดาชื่อ จูเลีย อัมมันนาตี เมื่อกาลิเลโออายุได้ 8 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองฟลอเรนซ์ แต่กาลิเลโอต้องพำนักอยู่กับจาโกโป บอร์กีนิ เป็นเวลาสองปี[5] เขาเรียนหนังสือที่อารามคามัลโดเลเซ เมืองวัลลอมโบรซา ซึ่งอยู่ห่างจากฟลอเรนซ์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 34 กิโลเมตร[5]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทดลองฟิลาเดลเฟีย ใช้ระยะเวลาทดลองนานเท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สมองของอัลเบิร์ต ไอนสไตน์ Article: สมองของนักฟิสิกส์ อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ถูกวิจัยและคาดคะเนอย่างมาก สมองของไอนสไตน์ถูกนำออกมาภายในเจ็ดชั่วโมงครึ่งหลังการเสียชีวิตของเขา ด้วยเขามีชื่อเสียงเป็นอัจฉริยบุคคลชั้นนำคนหนึ่งแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 สมองของเขาจึงได้รับความสนใจ มีการนำลักษณะต่าง ๆ ในสมองทั้งที่ปกติและแปลกไปใช้สนับสนุนความคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประสาทกายวิภาคศาสตร์กับความฉลาดทั่วไปและทางคณิตศาสตร์ การศึกษาทางวิทยาศาสตร์เสนอว่าบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการพูดและภาษานั้นเล็กกว่า ขณะที่บริเวณเกี่ยวกับจำนวนและการประมวลผลเชิงปริภูมินั้นใหญ่กว่า การศึกษาอื่น ๆ พบว่าสมองของไอนสไตน์มีจำนวนเซลล์เกลียมากกว่าปกติ[1] ความเป็นไปของสมอง การชันสูตรศพของไอนสไตน์กระทำในห้องปฏิบัติการ ณ โรงพยาบาลปรินซ์ตัน โดยนักพยาธิวิทยาชื่อ โทมัส สต็อลทซ์ ฮาร์วีย์ ไม่นานหลังการเสียชีวิตของเขาใน ค.ศ. 1955 ฮาร์วีย์นำสมองออกและชั่งน้ำหนักสมอง จากนั้นนำไปห้องปฏิบัติการ ณ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และผ่าสมองของไอนสไตน์เป็นหลายชิ้น สมองบางชิ้นนั้นถูกนำไปให้นักพยาธิวิทยาชั้นนำ เขาหวังว่าการแบ่งเปลือกสมองออกเป็นพื้นที่ตามลักษณะเซลล์ (Cytoarchitecture) จะให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์[2] ฮาร์วีย์ฉีดฟอร์มาลีน 50% ทางหลอดเลือดแดงคาโรติดใน แล้วแช่สมองทั้งก้อนในฟอร์มาลีน 10% ฮาร์วีย์ถ่ายรูปสมองหลายมุม จากนั้นเขาผ่าสมองเป็นประมาณ 240 บล็อก (แต่ละบล็อกขนาดประมาณ 18 ซม.3) และหุ้มแต่ละชั้นในวัสดุคล้ายพลาสติกที่เรียกว่า โคโลเดียน[3][4] ฮาร์วีย์ยังนำตาของไอนสไตน์ออกและมอบให้เฮนรี่ เอบรามส์ ซึ่งเป็นจักษุแพทย์ของไอนสไตน์[2] ยังมีการถกเถียงกันว่าสมองของไอนสไตน์ได้รับการอนุญาตจากเจ้าตัวขณะมีชีวิตหรือไม่ ก่อนจะถูกเก็บรักษา โรนัลด์ คลาร์ก เขียนในประวัตไอนสไตน์ใน ค.ศ. 1979 ว่า "เขายืนยันว่าสมองของเขาควรถูกวิจัยขณะร่างของเขาถูกเผา" ทว่างานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่า เรื่องนี้อาจไม่เป็นความจริง และสมองของเขาถูกนำออกมาและถนอมไว้โดยไม่ได้รับการยึนยอมจากทั้งไอนสไตน์และญาติสนิท ฮานส์ อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเขา ได้ลงชื่อให้นำออกหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น แต่ยืนยันว่าสมองของพ่อเขาควรนำไปใช้สำหรับงานวิจัยที่จะได้ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์มีคุณภาพเท่านั้น[2] ใน ค.ศ. 1978 สมองของไอนสไตน์ถูกนักข่าว สตีเฟน เลวีย์ ค้นพบอีกครั้ง ในความครอบครองของ ดร....
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทดลองเชิงโมเลกุลเดี่ยว คิดค้นครั้งแรกโดยใคร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ Article: อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์ (German: Albert Einstein) หรือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม กลศาสตร์สถิติ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ใน พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และจาก"การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี" หลังจากที่ไอน์ชไตน์ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ในปี พ.ศ. 2458 เขาก็กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยธรรมดานักสำหรับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ในปีต่อ ๆ มา ชื่อเสียงของเขาได้ขยายออกไปมากกว่านักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ ไอน์ชไตน์ ได้กลายมาเป็นแบบอย่างของความฉลาดหรืออัจฉริยะความนิยมในตัวของเขาทำให้มีการใช้ชื่อไอน์ชไตน์ในการโฆษณา หรือแม้แต่การจดทะเบียนชื่อ "อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์" ให้เป็นเครื่องหมายการค้า ตัวไอน์ชไตน์เองมีความระลึกถึงผลกระทบทางสังคม ซึ่งมีผลมาจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ในฐานะที่เขาได้เป็นปูชนียบุคคลแห่งความบรรลุทางปัญญา เขายังคงถูกยกย่องให้เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีที่มีอิทธิพลต่อวิทยาศาสตร์ที่สุดในยุคปัจจุบัน ทุกการสร้างสรรค์ของเขายังคงเป็นที่เคารพนับถือ ทั้งในความเชื่อในความสง่า ความงาม และความรู้แจ้งเห็นจริงในจักรวาล (คือแหล่งเสริมสร้างแรงบันดาลใจในวิทยาศาสตร์ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่) เป็นสูงสุด ความชาญฉลาดเชิงโครงสร้างของเขาแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบของจักรวาล ซึ่งงานเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านผลงานและหลักปรัชญาของเขา ในทุกวันนี้ ไอน์ชไตน์ยังคงเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังที่สุด ทั้งในวงการวิทยาศาสตร์และนอกวงการ ผลงานของไอน์ชไตน์ในสาขาฟิสิกส์มีมากมาย ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่ง: ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งนำกลศาสตร์มาประยุกต์รวมกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นไปตามหลักแห่งความสมมูล วางรากฐานของจักรวาลเชิงสัมพัทธ์ และค่าคงที่จักรวาล ขยายแนวความคิดยุคหลังนิวตัน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทดลองเชิงโมเลกุลเดี่ยว คิดค้นโดยใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ Article: อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์ (German: Albert Einstein) หรือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม กลศาสตร์สถิติ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ใน พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และจาก"การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี" หลังจากที่ไอน์ชไตน์ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ในปี พ.ศ. 2458 เขาก็กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยธรรมดานักสำหรับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ในปีต่อ ๆ มา ชื่อเสียงของเขาได้ขยายออกไปมากกว่านักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ ไอน์ชไตน์ ได้กลายมาเป็นแบบอย่างของความฉลาดหรืออัจฉริยะความนิยมในตัวของเขาทำให้มีการใช้ชื่อไอน์ชไตน์ในการโฆษณา หรือแม้แต่การจดทะเบียนชื่อ "อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์" ให้เป็นเครื่องหมายการค้า ตัวไอน์ชไตน์เองมีความระลึกถึงผลกระทบทางสังคม ซึ่งมีผลมาจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ในฐานะที่เขาได้เป็นปูชนียบุคคลแห่งความบรรลุทางปัญญา เขายังคงถูกยกย่องให้เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีที่มีอิทธิพลต่อวิทยาศาสตร์ที่สุดในยุคปัจจุบัน ทุกการสร้างสรรค์ของเขายังคงเป็นที่เคารพนับถือ ทั้งในความเชื่อในความสง่า ความงาม และความรู้แจ้งเห็นจริงในจักรวาล (คือแหล่งเสริมสร้างแรงบันดาลใจในวิทยาศาสตร์ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่) เป็นสูงสุด ความชาญฉลาดเชิงโครงสร้างของเขาแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบของจักรวาล ซึ่งงานเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านผลงานและหลักปรัชญาของเขา ในทุกวันนี้ ไอน์ชไตน์ยังคงเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังที่สุด ทั้งในวงการวิทยาศาสตร์และนอกวงการ ผลงานของไอน์ชไตน์ในสาขาฟิสิกส์มีมากมาย ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่ง: ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งนำกลศาสตร์มาประยุกต์รวมกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นไปตามหลักแห่งความสมมูล วางรากฐานของจักรวาลเชิงสัมพัทธ์ และค่าคงที่จักรวาล ขยายแนวความคิดยุคหลังนิวตัน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทดลองโรเซ็นแฮนทำการทดลองเมื่อใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทดลองโรเซนแฮน Article: การทดลองโรเซ็นแฮน (English: Rosenhan experiment) เป็นการทดลองที่มีชื่อเสียงทำเพื่อกำหนดความสมเหตุสมผลของการวินิจฉัยทางจิตเวช โดยนักจิตวิทยา ศ. ดร. เดวิด โรเซ็นแฮนแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Science ในปี พ.ศ. 2516 โดยมีรายชื่อว่า "การเป็นคนปกติในที่ที่บ้า (On being sane in insane places)"[1][2] เป็นงานที่พิจารณาว่าสำคัญและทรงอิทธิพลโดยเป็นการวิจารณ์การวินิจฉัยทางจิตเวช[3] และได้ไอเดียมาจากเล็กเช่อร์ของจิตแพทย์ R. D. Laing ซึ่ง ดร. โรเซ็นแฮนเริ่มคิดว่ามีวิธีไหนไหมที่ความน่าเชื่อถือของการวินิจฉัยทางจิตเวชสามารถทดสอบได้โดยการทดลอง[4] การทดลองทำเป็นสองส่วน ส่วนแรกใช้คนปกติแปดคนเป็นคนไข้ปลอม (หญิง 3 ชาย 5 รวมทั้ง ดร. โรเซ็นแฮนเอง) ผู้แกล้งทำเป็นประสาทหลอนได้ยินเสียงเพื่อให้โรงพยาบาลจิตเวช 12 แห่งใน 5 รัฐของสหรัฐอเมริการับเข้าเป็นคนไข้ ซึ่งทั้งหมดก็ได้รับโดยเป็นคนไข้โรคทางจิตเวช หลังจากเข้า รพ. คนไข้ปลอมก็จะทำตัวปกติ และบอกเจ้าหน้าที่ว่าตนรู้สึกปกติและไม่มีประสาทหลอนอะไรอีกต่อไป ทั้งหมดถูกบังคับให้ยอมรับว่าป่วยเป็นโรคจิตและให้ยอมทานยาระงับอาการทางจิตโดยเป็นเงื่อนไขในการให้ออกจาก รพ. ระยะเวลาเฉลี่ยที่คนไข้แต่ละคนใช้เวลาในโรงพยาบาล คือ 19 วัน ทั้งหมดได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภท ที่อยู่ใน "ระยะโรคสงบ" ก่อนจะได้กลับบ้าน ส่วนที่สองเกิดเมื่อมีผู้บริหารโรงพยาบาลหนึ่งที่ไม่พอใจแล้วท้าให้ ดร. โรเซ็นแฮนส่งคนไข้ปลอมไปที่ รพ. ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยจับ ดร. โรเซ็นแฮนก็ตกลงและในอาทิตย์ต่อ ๆ มา ในจำนวนคนไข้ใหม่ 193 คน เจ้าหน้าที่ได้กำหนด 41 คนว่าอาจเป็นคนไข้ปลอม โดยมี 19 คนที่ได้ความสงสัยอย่างน้อยจากจิตแพทย์คนหนึ่งและเจ้าหน้าที่อื่นอีกคน แต่จริง ๆ ดร. โรเซ็นแฮนไม่ได้ส่งใครไปเลย งานศึกษาสรุปว่า "มันชัดเจนมากว่าเราไม่สามารถแยกแยะคนบ้ากับคนปกติในโรงพยาบาลจิตเวช" และแสดงถึงอันตรายของการลดสภาพความเป็นมนุษย์ และการได้ป้ายว่าเป็นคนไข้โรงพยาบาลจิตเวช แล้วเสนอว่า ศูนย์สุขภาพทางจิตในชุมชนที่เน้นปัญหาและพฤติกรรมโดยเฉพาะแทนการกำหนดโรคโดยชื่อ อาจเป็นวิธีแก้ปัญหา และแนะนำให้ผู้บริการทางจิตเวชรับการศึกษาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ตระหนักรู้ถึงสภาพความคิด/จิตใจของผู้ทำการในโรงพยาบาลจิตเวช การทดลองโดยคนไข้ปลอม ดร. โรเซ็นแฮนเอง และผู้ร่วมงานที่สุขภาพจิตปกติ ได้พยายามเข้าโรงพยาบาลจิตเวชโดยโทรศัพท์หาหมอ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทดแทนคุณลักษณะเป็นอาการหนึ่งของโรคจิตใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: อาการหลงผิดคะกราส์ Article: อาการหลงผิดคะกราส์ (English: Capgras delusion) หรือ กลุ่มอาการคะกราส์ (English: Capgras syndrome, /ka·'grɑ:/)[1][2]เป็นความผิดปกติที่บุคคลหลงผิดว่า เพื่อน คู่สมรส บิดามารดา หรือสมาชิกสนิทในครอบครัว มีการทดแทนด้วยตัวปลอมที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน อาการหลงผิดคะกราส์จัดว่าเป็นกลุ่มอาการระบุผิดเพราะหลงผิด (delusional misidentification syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มของความเชื่อแบบหลงผิด ที่คนไข้ระบุบุคคล สถานที่ หรือวัตถุ แบบผิด ๆ (โดยปกติไม่ร่วมกัน)[3] ภาวะนี้สามารถเกิดเป็นแบบเฉียบพลัน แบบชั่วคราว หรือแบบเรื้อรังก็ได้ และมีแม้แต่กรณีที่คนไข้เชื่อว่า กาลเวลามีการบิดเบือนหรือมีการทดแทน อาการนี้มักจะเกิดขึ้นในคนไข้โรคจิตเภทแบบหวาดระแวง (paranoid schizophrenia) แต่ก็เกิดขึ้นด้วยในคนไข้ที่มีความเสียหายในสมอง[4] และที่มีภาวะสมองเสื่อม[5] ภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในบุคคลที่มีโรคประสาทเสื่อม (neurodegenerative disease) โดยเฉพาะในวัยชรา[6] ภาวะนี้มีรายงานด้วยว่าเกิดขึ้นสัมพันธ์กับโรคเบาหวาน ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย และโรคไมเกรน[7] ที่พิเศษในกรณีหนึ่งก็คือ อาการนี้เกิดขึ้นในคนปกติอย่างชั่วคราว เพราะยาระงับความรู้สึกเคตามีน[8] ภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าในหญิง โดยอัตราส่วนผู้หญิงต่อผู้ชาย เป็น 3 ต่อ 2 [9] ข้อมูลที่ได้รวบรวมจากผู้มีอาการหลงผิดคะกราส์ อาจจะมีผลต่อความเข้าใจเกี่ยวกับการรับรู้ใบหน้า และประสาทกายวิภาค ของทั้งบุคคลปกติและของคนไข้ผู้มีอาการนี้[3] ประวัติ กลุ่มอาการคะกราส์มีชื่อตามโจเซ็ฟ คะกราส์ (ค.ศ. 1873–1950) แพทย์จิตเวชชาวฝรั่งเศส ผู้ได้พรรณนาถึงความผิดปกตินี้เป็นคนแรก ในปี ค.ศ. 1923 ในผลงานวิจัยที่เขียนร่วมกับชอน เรอโบล-ลาชอซ์[10] ที่กล่าวถึงกรณีของหญิงชาวฝรั่งเศสชื่อว่า นางเอ็ม (Mme M.) ผู้ที่บ่นว่า คนตัวปลอมได้เข้ามาแทนที่สามีของเธอและคนอื่น ๆ ที่เธอรู้จัก[4] คะกราส์และเรอโบล-ลาชอซ์ได้เริ่มต้นเรียกอาการเหล่านี้ว่า "อาการหลอนเห็นตัวปลอม" (French: l’illusion des sosies)[11] กลุ่มอาการคะกราส์ได้รับการพิจารณาในยุคต้น ๆ ว่า เป็นโรคทางจิตเวช คือ เป็นอาการของโรคจิตเภท และเป็นโรคในหญิงเท่านั้น (แม้ว่า ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ไม่ใช่เป็นแบบนี้[12]) โดยเป็นอาการของโรคฮิสทีเรีย คำอธิบายเกี่ยวกับกลุ่มอาการคะกราส์ที่ได้รับการเสนอหลังจากคำอธิบายของคะกราส์และเรอโบล-ลาชอซ์ ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทัพนอร์เวย์ หรือปฏิบัติการเวแซร์รืบุง จัดตั้งขึ้นปีใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทัพนอร์เวย์ Article: การทัพนอร์เวย์ หรือปฏิบัติการเวแซร์รืบุง (9 เมษายน - 10 มิถุนายน ค.ศ. 1940) นั้นเป็นการเผชิญหน้ากันอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับนาซีเยอรมนี เยอรมนีนั้นต้องการที่จะครอบครองนอร์เวย์เพื่อเหล็กและโลหะจากสวีเดนอีกต่อหนึ่ง ซึ่งขนส่งทางเรือจากเมืองท่านาร์วิก ด้วยการยึดครองเมืองท่าอย่างสมบูรณ์ ก็จะทำให้การขนส่งทรัพยากรดังกล่าวเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม แม้ว่าจะถูกขัดขวางด้วยการปิดล้อมทางทะเลจากอังกฤษ นอกจากนั้นแล้ว มันยังทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรและเยอรมนีสามารถรบกันได้ด้วยการรบแบบสนามเพลาะซึ่งทั้งสองฝ่ายหวาดกลัว ต่อมาเมื่อยุทธนาวีมหาสมุทรแอตแลนติกขยายออกไป สนามบินของนอร์เวย์ เช่น สนามบินโซลา ในเมืองสตาวังเงร์ ซึ่งเครื่องบินสำรวจเยอรมันใช้เพื่อออกปฏิบัติการในภาคพื้นมหาสมุทรแอตแลนติก ภูมิหลัง ความสำคัญของนอร์เวย์ ทั้งสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสต่างก็ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือทางทหารกับโปแลนด์ และอีกสองวันหลังจากการรุกรานโปแลนด์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 ทั้งสองประเทศก็ได้ประกาศสงครามกับเยอรมนี แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็มิได้เปิดแนวรบด้านตะวันตก และมิได้เกิดการรบกันครั้งสำคัญใด ๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลายเดือนที่เรียกกันว่า สงครามลวง ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายกำลังมองหาแนวรบที่สอง สำหรับฝ่ายสัมพันธมิตร ฝรั่งเศสนั้นมีความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงมิให้เกิดการรบแบบสนามเพลาะอีกครั้งแบบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งได้เกิดขึ้นตามแนวรบด้านตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สำหรับฝ่ายเยอรมนี นายทหารระดับสูงนั้นมีความเห็นว่าเยอรมนีนั้นยังมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะทำการรบกับฝ่ายสัมพันธมิตรในขณะนี้ ดังนั้นจึงควรโจมตีนอร์เวย์ก่อนจึงจะสามารถแผ่อิทธิพลออกไปในภายหลัง นอร์เวย์ซึ่งยังคงวางตัวเป็นกลาง นั้นเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของทั้งสองฝ่ายโดยมีสองสาเหตุ อย่างแรกคือความสำคัญของเมืองท่านาร์วิก ซึ่งสามารถขนส่งเหล็กและโลหะจากสวีเดน ซึ่งเยอรมนีต้องการมาก เส้นทางเดินเรือดังกล่าวยังเป็นเส้นทางสำคัญมากเป็นพิเศษในช่วงที่ทะเลบอลติกนั้นได้กลายเป็นน้ำแข็ง นาร์วิกยังได้มีความสำคัญมากขึ้นต่ออังกฤษ เมื่ออังกฤษทราบว่าโครงการแคทเธอรีนของอังกฤษที่จะครอบครองทะเลบอลติกนั้นไม่สามารถนำมาใช้ได้ อย่างที่สอง เมืองท่าของนอร์เวย์ยังเป็นช่องว่างของการปิดล้อมเยอรมนี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai